วันอังคารที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2553

ยังไม่จำ



พอแท้งได้ประมาณ 3-5 วัน แฟนของเราก็เป็นคนดีมาก ๆ เลยนะ อยากจะหางานทำเป็นหลักเป็นแหล่งให้เหมือนกับชาวบ้านเค้าสักครั้งก็เลยไปสมัครงานวิ่งรับเหมากระเบื้องจากโรงกระเบื้อง UMI ที่ อ.หนองแค จ.สระบุรี
รู้ไหมว่าเราแท้งลูกได้ 7 วัน เราต้องไปยกกระเบื้่องที่หนักมาก ๆ เลยนะ ครั้งหนึ่งที่ไปด้วยกันก็ยกกันแค่ 2 คนทั้งคันรถ (เป็นรถหกล้อค่ะ) หนึ่งกล่องหนักประมาณ 2-3 กิโลกรัมมั้ง จำไม่ไดแล้วเพราะนานมาก ๆ แล้วอ่ะ เกือบ 5 ปีแล้วด้วย เราเป็นคนยกส่งให้แฟน ส่วนเค้าจะยกต่อเข้าไปในร้าน แล้วก็เรียง จะทำอย่างนี้ซ้ำไปซ้ำมา จนกว่าจะหมดคันรถ (ตอนนั้นไม่ได้รู้สึกลำบากหรือรู้สึกว่าห่างกันมากเหมือนตอนนี้เลยนะ รู้สึกว่าถึงจะไม่มีเงิน แต่คือเราอยู่ด้วยกัน 2 คนไง ไม่มีภาระอะไรให้ต้องเป็นห่วง นอนก็นอนในรถ กินก็กินในรถ) หรือว่าตอนนั้นเค้ายังไม่ออกลายก็ไม่รู้เหมือนกัน
ทำอยู่ประมาณ 6 เดือนได้มั้ง ช่วงหลัง ๆ เราไม่อยากกลับไปอยู่ร่วมบ้านกับครอบครัวของเค้าแล้วก็เลยชวนเค้ามาหาห้องเช่าอยู่ด้วยกันแถว ๆ โรงงาน มันก็ดีนะ คืออยู่กันแค่ 2 คน ลำบากก็ลำบากกันแค่ 2 คนจริง ๆ อดก็อดเหมือนกัน แต่วันนี้มันไม่ได้เป็นแบบนั้นอีกต่อไปแล้ว ทุกวันนี้มันมีปัจจัยหลาย ๆ อย่างมาทำให้เราสองคนค่อย ๆ ห่างกันออกไปเรื่อย ๆ จนบางครั้ง เราแทบจะไม่ได้คุยกันเลยทั้ง ๆ ที่เราอาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน
จำได้ว่าครั้งแรกที่ออกไปทำงานกับเค้า ได้นั่งไปในรถ เรารู้สึกดีมาก ๆ เลยนะ ได้ไปเที่ยวที่ต่าง ๆ มากมาย ถึงแม้ว่าเราจะไปทำงานเหมือนกรรมกรก็ตามที ถึงแม้เราจะเหนื่อย แต่เราก็เหนื่อยด้วยกัน เรามีแฟนคอยอยู่ข้าง ๆ ตลอดเวลา เค้าจะปกป้องเราทุกอย่างนะ
คืนแรกที่นอนในรถ ตอนนั้นเพิ่งจะแท้งลูกก็นั่งรถเดินทางไกลแล้ว และรถก็ไม่ได้นิ่มเหมือนรถเก๋งนี่นา แต่เราก็ไม่ได้คิดเรื่องตกเลือดหรืออะไรหรอกนะ เราคิดแค่ว่า อยากทำงานอะไรก็ได้ที่ทำแล้วได้เงินมีความสุข ก็จะทำ โดยเฉพาะมีแฟนเป็นผู้นำ เราก็รู้สึกดีมาก ๆ เลยนะ เหมือนเราจะได้ไม่ต้องคิดแล้วไง เรามีเค้าเป็นผู้นำ ทีนี้เราก็เป็นผู้ตามที่ดี แค่นั้นเอง
ตอนนั้นจอดอยู่ตรงสะพานลอย เป็นโรงงานใหญ่ ๆ เกี่ยวกับอะไหล่คอมพิวเตอร์ ก่อนจะถึง จังหวัดนครราชสีมา แฟนเราเค้าขับต่อไปไม่ไหว เค้าก็จอดนอนตรงนี้แหล่ะ ซึ่งพอเค้าหลับ เราก็จะต้องเปลี่ยนมานั่งแทน เพราะเค้าจะนอน แล้วเป็นรถตอนเดียวไง (ไหนจะเสื้อผ้า กระติกน้ำแข็งอีกล่ะ) เราก็ต้องเสียสละให้เค้านอน เพราะเรานอนมาตลอดทางเลยแหล่ะ
ช็อตเด็ดอยู่ตรงนี้ คืนนั้นเราก็ฝันนะ ฝันว่ามียายแก่คนหนึ่ง เค้าเดินมาเคาะกระจก เค้าบอกให้เราเปิดกระจกให้เค้าหน่อย เค้ามาตามให้เราไปหาลูก ลูกร้องใหญ่แล้ว ลูกร้องหาแม่
แล้วหัวอกคนเป็นแม่ล่ะ ที่เพิ่งสูญเสียลูกไปน่ะ เราก็ยังเหมือนกับผูกพันกับลูกด้วยแหล่ะ "ยายบอกว่าให้เปิดประตูรถลงมาสิ พยายามคะยั้นคะยอให้เปิดประตูให้ได้เลยนะ แต่เราไม่ได้เปิด กำลังฟังเสียงเด็กร้องไห้อยู่ ก็เอะใจนิดหนึ่งแล้วแหล่ะ กำลังเอื้อมมือจะไปเปิดประตู ในความฝันนะ" แต่ทีนี้ไม่รู้เพราะอะไร แฟนของเรา "เค้าก็ลุกพรวดพราดขึ้นมาเลยนะ บอกว่าจะต้องขับรถไปแล้วแหล่ะ เดี๋ยวไปไม่ถึงหน่วยงาน ซึ่งเป็นตอนบนของภาคอีสาน"
เราก็เลยสะดุ้งตื่นเหมือนกัน "ก็เลยตกใจ แล้วเล่าให้เค้าฟัง เค้าบอกว่าดีนะเนี่ยที่ไม่ได้เปิดประตูลงไป เพราะถ้าเปิดลงไป ตัวเราเองอาจจะมีเหตุให้ต้องตายก็ได้ อะไรประมาณนี้แหล่ะ พอเล่าแล้วก็รู้สึกกลัว ๆ เหมือนกันนะเนี่ย"

ทุกวันนี้ยังจำหน้ายายคนนั้นได้อยู่เลยอ่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น