วันพุธที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ผู้ชายที่มีแต่ "ให้"


เมื่อ 3 วันก่อน เรามีโอกาสได้คุยโทรศัพท์กับผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งเคยเป็นคนที่สอนให้เรารู้จักกับคำว่า "รัก" และ "ความอดทน" เค้าเป็นคนรักคนแรกของเราเอง และเป็นผู้ชายคนแรกที่รักเราจริง ๆ รักในแบบที่เราเป็น ไม่เคยขอให้เราเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อเค้า ถึงแม้เวลาแห่งการเลิกรากันได้ย่างเข้าสู่ปีที่ 7 แล้วก็ตามที แต่พอเราได้มีโอกาสคุยกับเค้าอีกครั้ง เรากลับรู้สึกเหมือนกับว่าเค้าไม่เคยหายไปเลย เค้าไม่เคยจางหายไปจากความทรงจำของเราเลย ถึงแม้เราจะพยายามหลอกตัวเองมาตลอด เราหลอกตัวเองว่า "เราลืมเค้าไปแล้ว" "เราไม่เคยสนใจเค้าเลย" แต่ทุกครั้งที่เราขี่มอเตอร์ไซด์ผ่านหน้าบ้านเค้า เราต้องหันไปมอง หรืออย่างน้อยต้องเหลือบไปดูสักนิดว่า "เค้าอยู่รึเปล่า"

พอเค้าพูดดีกับเรา มันทำให้เรารู้สึกสดชื่นจริง ๆ นะ
รู้สึกเหมือนแผ่นดินที่แห้งแล้ง ได้รับน้ำฝนเพียงเล็กน้อย แล้วรู้สึกอิ่มเอมในจิตใจ แม้เป็นเพียงระยะเวลาสั้น ๆ ก็ตามที
ในวันนี้เค้าผู้แสนดีของเรา ยังไม่ได้แต่งงานเลย แต่เค้ามีผู้หญิงมากมายที่รายล้อมรอบตัวเค้าอยุ่ แล้วจะให้เรากล้าที่จะเสนอหน้าเข้าไปหาเค้าเหรอ ทั้ง ๆ ที่เราเป็นของที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว และเป็นของที่มี่ตำหนิ มันจะไปสู้อะไรกับสาว ๆ สวย ๆ ที่รอให้เค้าเลือก

เค้าเป็นคนรักคนแรกของเรา มันก็คงจะยากมั้ง ที่เราจะสามารถลืมเลือนเค้าไปได้ แม้ระยะเวลาจะผ่านมานานแล้วก็ตามที
เรายังจำวันที่เราทำให้เค้าเจ็บปวดได้เลย
เราเห็นกงจักรเป็นดอกบัว
เราเองที่เป็นคนใฝ่ต่ำ
เราเองที่เป็นผู้หญิงที่มั่วมาก ๆ
เราเองที่ทำลายอนาคตของตัวเอง
เราเองที่ทำให้คนที่รักเราต้องเจ็บช้ำ
และเราเองที่ทำลายความฝันของพ่อกับแม่

เราทำลายทุกอย่างลงด้วยความความถือดี
ไม่มีดีจะอวดหรอกนะ แต่อวดดี
เราถือทิฏฐิ ว่าครอบครัวฉันก็มีแล้วทำไมฉันจะต้องง้อ ผู้ชายที่เค้าไม่เคยมีเวลาให้กับฉันเลย (แต่จริงๆ แล้วเค้าเป็นคนที่ตั้งใจกับสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการเรียน หรือการทำงาน หรือแม้แต่ความรู้สึก)
เค้าเป็นลูกคนรวยนะ ความตั้งใจจริงของเค้าทำให้เค้าได้ใบปริญญากลับมาให้พ่อกับแม่ได้ชื่นชม แต่เราล่ะ มีอะไรให้พ่อแม่ได้ชื่นชมบ้าง ไม่มีเลย เราเอาลูกกับสามีกลับมาที่บ้าน สร้างความอับอายให้กับพ่อแม่เป็นอย่างมาก

เราในอดีต ไม่เคยสนใจคนรอบข้าง เราสนใจแค่ความรู้สึกของตัวเราเองเท่านั้น
เรามีอะไรหลาย ๆ อย่างอยากจะบอกเค้าที่แสนดีคนนี้เหลือเกินนะ
ว่า
"เราขอโทษนะ เวรกรรมทั้งหลายที่เราเคยทำให้เค้าเจ็บปวดและช้ำใจนั้น ในวันนี้เราได้รับผลแห่งการกระทำนั้นแล้ว เราเจ็บ เราปวด และที่สำคัญเราไม่มีหนทางอื่นให้เลือกเดินอีกต่อไปแล้ว เมื่อก่อนเราสามารถปฏิเสธในสิ่งใด ๆ ก็ตามทีเราไม่อยากทำ หรือแค่คิดว่ามันจะเหนื่อย เราก็ไม่ทำแล้ว แต่ในวันนี้ วันที่ไม่มีมรดก หรือเงินกงสีเหลือให้เราอีกแล้ว เราจำเป็นต้องก้มหน้าทำงาน ที่เราเลือกนี้ต่อไป เพื่อคนที่เรารักเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นลูก หรือแม่ของเรา ในวันนี้แม้เราจะเหนือ่ยแสนสาหัสเพียงใด เราไม่สามารถหยุดได้ เราไม่สามารถพักผ่อนได้อีกต่อไปแล้ว
แม้เราจะเหนื่อยเพียงใดก็ตาม เราต้องหันไปมองคนข้างหลัง ซึ่งเป็นคนที่รักเรามาก ๆ ไม่เคยทำร้ายเราเลยแม้สักครั้งเดียว เราต้องหาเลี้ยงพวกเค้าให้ได้ แม้จะผ่านไปด้วยความยากลำบากเพียงใดก็ตาม เราต้องทำให้ได้"
เราอยากบอกเค้าคนนั้นเหลือเกิน

"เค้าจะอยู่ในความทรงจำของเราตลอดไป และความทรงจำที่มีเค้าอยู่นั้น ล้วนแต่เป็นภาพที่งดงามทั้งสิ้น เพราะระยะเวลากว่า 7 ปีได้เป็นเครื่องพิสูจน์แล้วจริง ๆ ว่าเราไม่สามารถลืมเค้าได้เลย"

มันเป็นเหมือนตราบาป ที่เกาะติดในใจของเรามาตลอดในความผิดที่เราได้ทำไว้กับเค้า และในวันนี้สามีของเราก็ทำกับเราแบบนั้นเช่นกัน มันเหมือนกระจกที่ส่องให้เรารู้ว่า ผู้ชายแสนดีคนนั้นเค้ารู้สึกเช่นไรในวันที่เราทำร้ายเค้า แต่ระยะเวลาที่เราได้ทำร้ายเค้านั้นมันช่างสั้นนัก ในขณะที่สามีของเรานอกใจเรามรตลอดเป็นระยะเวลา 6 ปีนับตั้งแต่วันที่เราคลอดลูกชายได้ 6 เดือน จนตอนนี้ลูกชายของเราเกือบ ๆ จะ 5 ขวบ
เค้าไม่เคยหยุดได้เลย ไม่เคยเลยจริง ๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น