วันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2554

ทุกข์ เพราะ ความรัก

ทุกคนที่มีความรัก
รู้สึกหรือไม่
ทำไมทุกครั้งที่มีความรัก
เราจึงเป็นทุกข์


เพราะ
ความรัก เป็นห่วงแห่งอารมณ์ที่ยากแก่การแก้ไขมาก

หลายคนรู้ว่า มีความรักแล้วเป็นทุกข์
แต่ก็อยากจะมี
เพราะอะไร?


เพราะความรัก ก็เป็นอีกหนึ่งหนทางให้เราชดใช้เวรกรรม
ซึ่งเป็นกรรมเก่าในอดีตชาติ หรือในชาตินี้
หากเราเคยทำให้คนที่รักเราเสียใจ
ไม่ว่าจะเป็นพ่อ, แม่, ญาติผู้ใหญ่, หรือแม้แต่พี่น้อง
ซึ่งนี่คือความรักที่บริสุทธิ์
แต่เรากลับปฏิเสธความรักแบบนี้แทบจะทันทีที่เราได้พบเจอ

มันเป็นเหมือนทางเดินที่เป็นมาตรฐานสำหรับทุก ๆ คน
ที่จะปฏิเสธ ความรักที่บริสุทธิ์
และมุ่งหน้าที่จะเดินไปหา ความรักที่เป็นทุกข์


เราเคยมองไม๊
ว่าผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งเราไม่เคยใช้ชีวิตร่วมกับเค้ามานานสักเท่าไหร่
แต่ทำไม เค้า สามารถทำร้ายเราได้มากมายเหลือเกิน
ไม่ว่าจะเป็นทางกาย ทางวาจา และทางใจ
ทั้ง ๆ ที่เค้าไม่ได้เกิดมาพร้อมเรา
ขนาดคนที่เค้าเกิดมาพร้อมเรา
เรายังไม่รักมากมายขนาดนี้
แต่ทำไมเราถึงรักเค้ามาก

เพราะ
นี่คืออีกหนึ่งบททดสอบของเวรกรรม
อีกหนึ่งหนทางที่จะทำให้เรามีความทุกข์
และเป็นหนทางที่ทุก ๆ คนเจอมาแล้วทั้งนั้น

ถือซะว่า
นี่เป็นการชดใช้ความเจ็บปวด
ที่เราเคยทำให้กับคนหลาย ๆ คนตั้งแต่ที่เราเกิดมา
และที่เราเคยเฉยเมย เย็นชา
ต่อความรู้สึกที่เค้ามีให้มาเสมอ

นี่คือ
การชดใช้เวรกรรม
ในรูปแบบหนึ่ง
ผู้ที่มีรัก ผู้นั้นมีความทุกข์
แต่ผู้ที่ไม่มีรัก ก็ย่อมแสวงหาในรักเสมอ

กรรม! เข้าใจง่ายกว่าที่คิด

สิ่งที่ชาวพุทธควรเชื่อ 4 ประการ
ความเชื่อในหลักกรรมนี้ ตามคำสอนของพระพุทธศานา ชาวพุทธต้องเชื่อ 4 อย่าง ต้องเชื่อหลัก 4 ประการ คือ
1. ตถาคตโพธิสัทธา เชื่อในการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า คือ เชื่อว่าพระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้จริง เป็นผู้ประกอบด้วยพระปัญญาคุณ พระวิสุทธิคุณ พระมหากรุณาคุณจริง ๆ
2. กัมมสัทธา เชื่อในเรื่องกรรม คือ เชื่อว่ากรรมมีจริง หลักกรรมที่เราทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วมีจริง
3. วิปากสัทธา เชื่อในผลของกรรม คือ เชื่อว่ากรรมที่บุคคลทำ ไม่ว่าดีหรือชั่ว ยอมให้ผลเสมอ จึงจะเปลี่ยนกิจกรรมความเปลี่ยนแปลงของชีวิตไปในทางที่เชื่อถือ และถูกต้องได้
4. กัมมัสสกตาสัทธา เชื่อว่าสัตว์มีกรรมเป็นของตน หรือเชื่อว่าผลที่เราได้รับเป็นผลแห่งการกระทำของเราเอง ซึ่งอาจจะเป็นกรรมที่ทำในปัจจุบันชาติ หรืออดีตชาติ หรือจะทำในภพใด
จะเห็นได้ว่าในความเชื่อศรัทธา 4 อย่าง เป็นความเชื่อในเรื่องเกี่ยวกับหลักกรรมถึง 3 อย่าง

การเชื่อเรื่องกรรม
ไม่ใช่เรื่องที่งมงาย หรือน่าเบื่อ
แต่เป็นเพียงการเข้าใจถึงสิ่งที่เรากำลังประสบพบเจออยู่ในวันนี้
ถ้าเราลองเปิดใจที่จะเชื่อ
และลองมองกลับไปสู่อดีต
จากวันนี้ลองมองกลับไปดี ๆ ช้า ๆ
เราจะได้รู้ว่า
สิ่งที่ทำให้เราเป็นทุกข์ในวันนี้
นั่นคือ สิ่งที่เราเคยทำให้ผู้อื่นเป็นทุกข์มาก่อนนั่นเอง

ไม่จำเป็นต้องมีญาณทิพย์ หรือสัมผัสวิเศษ
แต่มนุษย์ทุกคนสามารถมองเห็นกรรมของตนเองได้
ด้วยตนเอง
เพียงแค่เราเปิดใจให้กว้างมากขึ้น
ปล่อยวางให้มากขึ้น
และทำให้จิตใจสงบเพียงพอ

การสวดมนต์แก้กรรม

การสวดมนต์นั้นมีอานุภาพ
ปาฏิหาริย์บันดาลผลในสิ่งที่ต้องการได้จริง
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ใช่ว่าจะสำเร็จได้ทุกคนไป
ขึ้นอยู่กับบุญบารมีของแต่ละท่านด้วย


การสวดมนต์ จะช่วยแก้ไขกรรมได้หรือไม่
ขึ้นอยู่กับ "บุญบารมี"
เพราะบางทีก็ได้ผล บางทีก็ไม่ได้ผล
ขึ้นอยู่กับเหตุผล 3 ประการ คือ

1. ถูกแรงกรรมปิดกั้น คือ ถูกกรรมเก่าขัดขวาง

2. ถูกกิเลสปิดกั้น คือ ขณะสวดมจิตของผู้สวดมีกิเลสเข้ามาปะปน ทำให้จิตไม่สงบหรือผู้สวด สวดด้วยอำนาจของความโลภ โกรธ หลง เช่น สวดมนต์เพื่ออยากให้ตนรวย ๆ อยาให้ถูกหวย หรือสวดมนต์เพื่อให้สามีรัก สามีหลง เป็นต้น

3. มีจิตไม่เชื่อในการสวดมนต์ คือ ไม่เชื่อในอานุภาพของบทสวดมนต์ ทำด้วยความไม่เชื่อมั่นว่าจะเป็นไปได้

ขอบคุณคำสอนของ พระธรรมสิงหบุราจารย์
(หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม)
เจ้าอาวาสวัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี


**ดังนั้นตามความคิดของข้าพเจ้า หากท่านต้องการเห็นผลของการสวดมนต์
เราควรคิดแค่ว่า
"เราสวดมนต์เพื่อต้องการให้มีสติ และมีสมาธิ ไม่ได้ต้องการความร่ำรวย หรือความสุขใด ๆ ทั้งสิ้น และควรเชื่อมั่นในทุก ๆ บทสวดมนต์ที่เราสวด ที่เราเอ่ยออกจากปากของเรา ทุกครั้งที่เอ่ยออกมา เราต้องรู้ตัวว่าเราพูดคำว่าอะไร และจิตต้องอยู่ด้วยเสมอ"**

นี่เป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าได้ทราบ หลังจากที่ข้าพเจ้าได้เพียรสวดมนต์เพื่อความร่ำรวยมานานปี แต่ไม่เป็นผล
และผลที่ได้ ทำให้ข้าพเจ้าเริ่มปลง และรู้สึกพอกับสิ่งที่มีในทุกวันนี้ อย่างมีความสุข

ความร่ำรวยอาจะไม่ใช่คำตอบของทุกชีวิต
แต่ถ้าวันนี้
เรารู้จัก "พอ"
วันนี้ เรารวย

ความทุกข์

ขอบคุณความทุกข์
ที่ทำให้เราค้นหาความสุข
และการดิ้นรนให้พ้นจากความทุกข์

เราพบปัญหากันทุกคน
คงไม่มีใครบอกกล้าบอกหรอกนะว่า "ไม่เคยมีความทุกข์"
เพราะทุกคนล้วนเกิดมาพร้อมความทุกข์

เพราะอะไร?
เพราะเราทุกคนเกิดมาพร้อมกรรม

และ
กรรม คือ การกระทำ
ทั้งการทำความดี และการทำความชั่ว

เมื่อเราทำกรรมชั่วไปเรื่อย ๆ โดยไม่คิดจะสั่งสมกรรมดี
โดยคิดว่า ยังไงทุกวันนี้เราก็มีความสุข สนุก สบาย
และเมื่อถึงวันที่บุญเก่าเราหมด
วันนั้น คือ วันที่ความทุกข์จะมาเยือนเราอย่างจริง ๆ จัง ๆ
และเหมือนกับว่า
"ในโลกใบนี้ไม่มีใครสามารถช่วยเหลือเราได้เลย"
เพราะอะไร
"เพราะคุณไม่มีบุญพอที่จะมองเห็นว่าใครสามารถช่วยเหลือคุณได้"
"หรือแม้แต่คิดจะทำบุญ คุณยังทำไม่ได้เลย"
"คุณคิดว่านั่น คือ สิ่งที่ไร้สาระ"
"อย่าไปคิดจนถึงขั้นสวดมนต์นะ"
"เพราะส่วนใหญ่แล้วคนที่ไม่สามารถหาทางออกให้กับชีวิตของตนเองได้นั้น จะไม่ค่อยได้สวดมนต์"


การทำความดี (การสะสมกรรมดี)
ไม่ยากอย่างที่คิด
แค่แบ่งอาหารของเรา ให้สัตว์จรจัด หรือให้ร่มเงามันบ้าง แสดงความห่วงใยในบางครั้ง
หรือ
การให้น้ำคนขอทาน, การช่วยคนแก่ข้ามถนน, หรือหาข้าวให้พ่อกับแม่เราทาน,
แค่ความรู้สึกดี ๆ ที่เรามีให้คนรอบข้าง
นั่นแหล่ะ "ความดี"

วันอังคารที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2554

แก้ไขปัญหาชีวิต

รับปรึกษาและแก้ไขปัญหาชีวิตด้วยหลักพยากรณ์ทุก ๆ รูปแบบ
ตั้งแต่เลข 7 ตัว, กราฟชีวิต, ไพ่ป๊อก, รวมไปจนถึงไพ่พรหมญาณ
และการใช้สัมผัสที่หก
ในการแก้ไขปัญหาชีวิตของผู้ที่กำลังประสบวิบากกรรมอยู่ในขณะนี้
ขอแก้ไขโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใด ๆ
ในทุกคำปรึกษานะคะ
ฝากคำถาม และปัญหาต่าง ๆ ได้ที่
http://silverclound.blogspot.com
นะจ๊ะ

วันเสาร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2554

คำคม1

โชคชะตาไม่เคยทำร้ายเรา
โชคชะตาสอนให้เรารู้ถึงสัจธรรมของชีวิต
โชคชะตาทำให้เราต้องเจอกับปัญหา

และปัญหาไม่เคยทำให้ใครต้องตาย
ถ้าเรามีสติเพียงพอที่จะรับมือกับปัญหานั้น ๆ

คำคม

ทุกปัญหามีทางออกเสมอ
เพียงแต่ในเวลาที่เรามีปัญหา
เราแค่มองไม่เห็นทางออกเท่านั้น
แต่ถ้าเรามองปัญหาด้วยปัญญาเมื่อไหร่
คุณจะพบกับทางออกเสมอ

คู่ชีวิต



หลายคนอยากมีชีวิตคู่
และอีกหลายคนอยากเลิกกับคู่ชีวิต


เรามีคู่ชีวิตไว้เพื่ออะไร
เพื่อให้เค้าเป็นที่พึ่งสำหรับเรา
เพื่อให้เค้าเป็นกำลังใจให้เรา
เพื่อให้เค้าคอยอยู่เคียงข้างเวลาที่เราไม่สบาย


หมดสมัยแล้วที่อยากจะมีคู่ชีวิต
เพื่อเป็นการยกระดับฐานะทางการเงิน
ในวันนี้ไม่มีใครขอให้ได้คู่ชีวิตที่ร่ำรวยกันแล้ว
เพราะผู้หญิงทุกคนบนโลกใบนี้ขอแบบนี้เหมือนกันหมด
แต่ Jackpot จะไปตกที่ใคร

การมองหาคู่ชีวิตในวันนี้
คงต้องเป็นการมองบนหลักความเป็นจริง
ถึงแม้บางครั้งเราก็อยากจะฝัน
อยากจะหวังเหมือนกัน แต่ในเมื่อมันเป็นไปไม่ได้
แล้วเราจะฝัน หรือหวังไปเพื่ออะไร

ถึงแม้จะมีคู่ชีวิตแต่เหมือนไม่มี
เพราะเค้าไม่สามารถมาช่วยแบ่งเบาภาระอะไรได้เลย
เพราะเค้าไม่สามารถอยู่เคียงข้างในทุกครั้งที่เราป่วย, เราเหนื่อย, เราหมดแรง
หรือแค่ไปเฝ้าลูกเค้าก็ทำไม่ได้


เราจะหวังอะไรจากคู่ชีวิตแบบนี้ิได้
หรือเราควรจะหวังว่าเราจะฝากชีวิตไว้เพื่อตัวเราเองมากกว่า
เพราะถึงอย่้างไรในระยะเวลาทั้งหมดที่อยู่ด้วยกันมา
ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรให้ดีขึ้นเลย
มีแต่แย่ลง
แล้วเราจะมีคู่ชีวิตไปเพื่ออะไร

ความสุขสมหวังในวันนี้
เราควรเป็นคนสร้างมันขึ้นมา
ด้วยตัวเราเอง
แล้วความภาคภูมิใจมันจะอยู่กับเราตลอดไป

มันเป็นหลักฐานที่แสดงให้เราได้เห็นว่า
ไม่ต้องมีคู่ชีวิตเราก็ทำได้
เพราะถึงมีก็รังแต่จะทำให้เรามีภาระเพิ่มมากขึ้น

ความสำเร็จอยู่ในมือของเราเสมอ
หากเรามุ่งมั่นและตั้งใจที่จะทำ
ไม่ใช่เพื่อใคร แต่เพื่อตัวเราเอง
และเพื่อคนที่เรารักทั้งนั้น


เราคงไม่สามารถฝาก
ความหวังและความฝันไว้กับใครได้
นอกจากสองมือของเราเท่านั้น

ความฝันจะเป็นจริงเสมอ
ถ้าวันนี้เราลงมือทำ

หมดเวลา


หลังจากที่ใช้ชีวิตร่วมกันมานานหลายปี
อยากถามหลาย ๆ คนว่า
"หากวันหนึ่งคุณหมดความรักที่มีให้กันแล้ว ทำไมถึงไม่ยอมเลิกกันไป"
"คุณจะทำให้ทุก ๆ วันในชีวิตคู่ และคนรอบข้างเดือดร้อน และอึดอัดไปเพื่ออะไร"


เมื่อวันหนึ่งการอยู่ด้วยกันเริ่มมีปัญหามากขึ้น
และคนสองคนไม่สามารถยอมให้กันและกันได้อีกต่อไป
"การให้อภัยจึงไม่มี"
ที่เหลือคือ "ความรุนแรง"

ซึ่งมันคงจะมีมากขึ้นเรื่อย ๆ

และถ้าเราไม่สามารถเดินออกไปจากชีวิตของคน ๆ นี้ได้
และเราหมดแล้วซึ่งความอดทนที่มีต่อกัน
และถ้าเราขอให้เค้าเดินออกไปจากชีวิตของเราแล้ว
แต่เค้าไม่ไป
เราควรทำอย่างไร?

ทำไมเหรอ?
แค่ขอให้เค้าปรับเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ไม่ได้เลยหรืออย่างไร?
ทำไมต้องมีอคติเสมอ?
ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนของเราเอง หรือแม้แต่พี่น้อง
เราก็ไม่สามารถไปหาได้อย่างมีความสุข
เพราะต้องคอยระวัง ไม่ฉะนั้นกลับมาที่บ้านก็ต้องทะเลาะกับสามีอีกเหมือนเดิม
ทำไมอ่ะ?

ไม่เข้าใจจริง ๆ นะ
เพราะถ้าไม่สามารถยอมรับเราในแบบที่เราเป็น
ทำไมเค้าไม่เดินออกไปจากชีวิตของเราล่ะ
จะทนทรมานทั้งสองฝ่ายไปเพื่ออะไร
ทำให้คนรอบข้างเราเป็นทุกข์ไปด้วย
เค้าจะทำไปเพื่ออะไร?

แบบนี้ใช่ไม๊ที่เค้าเรียกว่า "เห็นแก่ตัว"

วันศุกร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2554

เงินตรา



ปัญหาสำหรับทุก ๆ คน
เราเชื่อว่า
แต่ละคนมีปัญหาแตกต่างกัน
แต่คงไม่มีใคร "ไม่มีปัญหา"
เพียงแต่เราต้องมองให้เห็นปัญหาจริง ๆ
ซึ่งการมองให้เห็นปัญหานี้
แม้แต่เราเอง
ซึ่งพยายามทำใจให้เย็น ๆ และมองนิ่ง ๆ นาน ๆ
เรายังไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้เลย

เราจะสามารถหยุดดิ้นรนได้อย่างไร
ในเมื่อวันนี้
ทุกคน ทุกชีวิตบนโลกใบนี้
ล้วนมีสิ่งเดียวที่ต้องการเหมือนกัน คือ "เงินตรา"

เงินไม่ใช่พระเจ้า
เงินไม่สามารถซื้อทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกได้
แต่เงินสามารถอำนวยความสะดวกให้เราไปถึงที่หมายได้ง่ายมากขึ้น

เมื่อถึงวันหนึ่งที่เรามีเงินเพียงพอแล้ว
เพียงพอต่อความต้องการขั้นพื้นฐาน
แล้ววันนั้นเราสามารถหยุดได้หรือไม่

คนที่ยังไม่มีก็ต้องดิ้นรนกันต่อไป
แล้วคนที่มีเพียงพอแล้วล่ะ
คุณสามารถปลดปล่อยตนเองจากสิ่งที่พันธนาการคุณไว้ได้หรือไม่
คำถามง่าย ๆ
ที่บางคนไม่สามารถหาคำตอบได้
และเราก็เป็นหนึ่งในนั้น

วันเสาร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2554

รินหัวใจใส่งาน


ท่าน ว.วชิรเมธีได้เดินทางไปเมืองจีน ไปเห็นกำแพงเมืองที่มีอายุยืนยาวถึงสองสามพันปี
ท่านได้ถามมัคคุเทศก์ว่า "ทำไมมันทนจัง"
มัคคุเทศก์บอกว่า "จิ๋นซีฮ่องเต้ โปรดให้ปั้นอิฐแต่ละก้อนด้วยวิธีพิเศษ แล้วทุกคนที่ปั้นอิฐจะต้องจารึกชื่อตัวเองไว้ที่ก้อนอิฐ เมื่อเผาเสร็จแล้วจึงเอาไปก่อกำแพง ฝนตกแดดส่อง ถ้าอิฐของใครสึกหรอก เอาคนปั้นที่มีชื่อเขียนติดไว้ไปตัดหัว แล้วเอาศพฝังใต้ซากกำแพงเมือง"

ด้วยเหตุนี้ เจ้าหน้าที่ทุกคนจึงตั้งใจบรรจงปั้นอิฐอย่างสุดความสามารถ เพราะกลัวตายจึงตั้งใจปั้นจริง ๆ อิฐทุกก้อนจึงอยู่คงทนยาวนานมาถึงทุกวันนี้ ถ้าเราทำได้เหมือนคนปั้นอิฐของจิ๋นซีฮ่องเต้ งานของเราจะเป็นงานที่ดีที่สุด

ลูกค้าที่มาเจอหน่วยงานเราจะประทับใจกลับไป อย่าทำงานเหมือนลวกก๋วยเตี๋ยว ลวก ๆ สุกบ้างไม่สุกบ้าง
ทำงานต้องทำให้ดี ต้องประณีต
ประณีตหมายถึงรินใจใส่งาน
ถ้ารินใจใส่งานจะได้งานชิ้นเอกทุกเรื่องทุกครั้งไป

งานที่สำคัญที่สุด คือ งานที่เราทำอยู่ตอนนี้ ทำให้ดีที่สุด
ถ้าเราทำให้ดีที่สุด ตอนนี้
มันจะกลายเป็นพรุ่งนี้ที่ดีที่สุด
เมื่อมันเป็นวันวายมันก็เป็นวันวายที่ดีที่สุด
แล้วเราจะมีความสุขกับมัน ถ้าเราทำอย่างดีที่สุด


ที่มา ::
งานสัมฤทธิ์ ชีวิตรื่นรมย์
ท่าน ว.วชิรเมธี

งานที่สำคัญที่สุด


งานที่สำคัญที่สุด คือ งานที่เราทำอยู่ในขณะนี้

เราทำงานอะไร จงใส่จิตใส่ใจกับมันให้เต็มร้อย
อย่าสักแต่ว่าทำ
เพราะว่าถ้าสักแต่ว่าทำงานก็ไม่ดีความสามารถเราก็ไม่พัฒนา
ทำอะไรก็พยายามทำให้ดีที่สุด
พระพุทธเจ้าเวลาทำงาน
ทรงรับสั่งว่า "ฉันทำงานเหมือนราชสีห์"
ราชสีห์เวลาจับหนู โดดตะครุบด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดด้วยศักยภาพทั้งหมด

เราทุกคนก็เช่นกัน
เวลาทำงาน งานของเราต้องสำคัญที่สุด
ไม่ทำสักแต่ว่าทำ แต่จะต้องทำให้ดีที่สุด
เพราะถ้าเราทำให้ดีที่สุด
ผลงานของมันจะประกาศศักยภาพของเราไปตลอดชีวิต


ที่มา ::
งานสัมฤทธิ์ ชีวิตรื่นรมย์
ท่าน ว.วชิรเมธี

คนที่สำคัญที่สุด



คนที่สำคัญที่สุด คือ "คนที่อยู่ตรงหน้า"

ทำไมคนที่อยู่ข้างหน้าเราจึงสำคัญ ก็เพราะว่ามนุษย์พบเจอกันไม่บ่อยนัก
ในชีวิตนี้มนุษย์ที่มาปฏิสัมพันธ์กันเหมือนไม้สองท่อน
ที่ลอยมาคนละทิศคนละทางมาเจอกันกลางทะเล
ทะเลกว้างแสนกว้างแต่ไม้สองท่อนยังคงไหลมาเจอกันได้
เมื่อไหลมาเจอกันโครม
แล้วในที่สุดก็จะไหลจากกันไป
คงไม่มีไม้ท่อนไหนที่ไหลมาชนกันโครม แล้วอยู่ติดกันตลอดไป

ชีวิตเราไหลมาเจอพ่อเจอแม่ อยู่ด้วยกันไม่กี่ปีพ่อแม่ตายจาก
ไหลมาเจอสามีหรือภรรยาในดวงใจ อยู่กันไปไม่กี่ปีบางทีไม่ตายจาก แต่เขาก็จากไปเอง
เพราะฉะนั้น วิถีชีวิตของมนุษย์เราจะเจอกันแค่ชั่วคราวเท่านั้น
ถึงเราจะรักกันแค่ไหนจะดีต่อกันแค่ไหนก็ตาม ก็ชั่วคราวเท่านั้น

เพราะฉะนั้นเรามาเจอกันแค่ชั่วคราว ควรจะดูแลโมงยามที่แสนสั้นนี้ให้ดีที่สุด ให้เป็นชั่วคราวที่งดงามที่สุด

ที่มา ::
งามสัมฤทธิ์ ชีวิตรื่นรมย์
ท่าน ว.วชิรเมธี