วันอังคารที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ภูมิใจ


การที่แววมาทำอาชีพ "หมอนวด" ในวันนี้ เพิ่งรู้เหมือนกันนะว่า
ในทุกวันนี้ สังคมมองอาชีพหมอนวดเป็นเหมือนกับ "ผู้หญิงขายตัว" หรือ "ผู้หญิงขายบริการ" เลย
แต่แววเชื่อมั่นในสิ่งที่แววทำ
แววมีครูบาอาจารย์, แววเชื่อมั่นและศรัทธาในสิ่งที่ทำ
แต่บางทีมันก็เหนื่อยเหมือนกันนะ ถ้าเราได้หันไปเห็นเพื่อนที่ทำงานเดียวกัน เค้ากลับได้เงินมาง่าย ๆ ไม่ต้องเหนื่อยเหมือนเรา เดี๋ยวก็ได้อีกแล้ว ทำไมอ่ะ

บางทีแววก็อยากเป็นเหมือนเค้าบ้างนะ พยายามอยากจะมีกิ๊กเหมือนกัน แต่ทำไม่ได้ แววทำแบบเค้าไม่ได้
เพราะถ้าคุณหา "กิ๊ก" ภายในร้านที่คุณทำงาน
คุณคุยโทรศัพท์กับลูกค้า แล้วให้เค้ามารับคุณออกไปจากร้าน คนภายนอกจะมองกันยังไงอ่ะ

"อันนี้แววรู้นะว่าเค้ามองว่า สามารถซื้อผู้หญิงในร้านนี้ได้ทุกคน เพราะเพื่อนเค้าทำมาแล้ว ทีนี้มันก็ยิ่งเป็นเหมือนกิเลสให้แววคิด ชั่งน้ำหนักดูให้ดี ทำไมเค้าถึงสบายจัง ทำไมเค้าไม่ต้องเหนื่อยเหมือนเรา ไม่ต้องเป็นหนี้เหมือนเรา เค้าไม่เห็นลำบากเหมือนเราเลยอ่ะ จะทำงานหรือไม่ทำงานก็ได้"
"แววอิจฉาเค้านะ"

ถ้าวันไหนที่แววมีลูกค้าเยอะ ๆ แล้วแววเหนื่อยมาก ๆ วันนั้นแววจะภูมิใจมากเลย เพราะเงินที่แววได้มา แววได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของแววเอง มันเป็นเงินที่แววได้มาจากความพยายาม ถึงแม้จะเหนื่อยแสนสาหัส แต่มันคือความภาคภูมิใจ เหนื่อยแค่ไหนแววก็ทำได้

"มีหมอนวดด้วยกันเค้าเคยบอกแววว่า "แววมีศักดิ์ศรีมากเกินไป แววถึงไม่มีจะกินยังไงล่ะ"
เพราะแวว "ไม่ยอมมีกิ๊กเหมือนเค้าเหรอ แววถึงไม่มีเงิน"
แววอยากจะภูมิใจในสิ่งที่แววเป็นนะ
แววอยากให้ลูกชายของแวว ภาคภูมิใจในอาชีพของแม่
ถึงแม้แววเหนื่อยมากกว่านี้อีกร้อยเท่าพันทวี แต่ถ้ามีลูกค้า แววก็ทำได้ เพราะนั่นหมายถึงเงินตรา ที่แววจะมีให้แม่ และให้ลูกของแวว

แววท้อแท้มามากมายแล้ว ปัญหาก็มีมากมาย แววผ่านปัญหามานานัปประการจริง ๆ แต่ทุกปัญหาก็ผ่านพ้นมาได้ เพียงแต่ว่าแววจะเหนื่อยมากหรือน้อยแค่ไหนเท่านั้นแหล่ะ แต่ทุกปัญหามีไว้ให้เราฝ่าฟัน มีไว้ให้เราแก้ไข ถึงแม้ว่า "กว่าที่จะแก้ไขผ่านไปได้ แววจะเสียน้ำตาอีกร้อยพันหยด แววจะต้องเหนือยกว่านี้อีกแสนสาหัส แต่สิ่งที่แววทำทุกวันนี้ แววมีความภาคภูมิใจมากกับอาชีพหมอนวด อาชีพที่สามารถหาเลี้ยงครอบครัวมาได้เป็นเดือน ๆ ที่เราสามารถรอดชีวิตมาได้"

การที่เราต้องอยู่ภายในสังคมที่รอบ ๆ ตัวของเรามีหมอนวดที่แอบแฝงอยู่มากมาย มันก็ทำให้เราเปลี่ยนไปได้เหมือนกันนะ แววก็หวั่นไหวไปตามกระแสของสังคมบ้าง แววก็ท้อแท้เหมือนกันนะ เวลาที่แววเห็นเพื่อน ๆ ได้เงินกันมาง่ายเหลือเกิน ทั้ง ๆ ที่แววก็ไม่ได้มีหน้าตาขี้เหร่อะไรเลย เพียงแค่แววมีอุดมการณ์ในการทำงานของแววเอง แววทำงานของแววให้ดีที่สุดเท่าที่แววจะทำได้ แค่นี้แววก็พอใจแล้วแหล่ะ

การที่เรามีคุณธรรมในสายอาชีพนี้จะทำให้เราต้องเดือดร้อนแค่ไหน แววไม่รู้หรอกนะ แต่แววรู้แค่ว่า "ฟ้ายังมีตา"
ในทุก ๆ เช้่าที่ตื่นนอน แววจะพยายามคิดว่า "ขอให้วันนี้อย่าแย่ไปมากกว่าเมื่อวาน" หรือ "ขอให้พรุ่งนี้อย่าแย่ไปกว่าวันนี้ก็พอแล้ว" เพราะถ้าเมื่อวานเราสามารถผ่านพ้นปัญหาต่าง ๆ มาได้ วันนี้เราก็ต้องผ่านไปให้ได้ เพียงแต่จะเหนื่อยแค่ไหน อีกเรื่องหนึ่งแค่นั้นแหล่ะ


ตอนนี้เงินที่แววนำไปทำบุญ หรือซื้อกับข้าวไปถวายวัด ทุกบาททุกสตางค์เกิดขึ้นจากน้ำพักน้ำแรงที่แววใช้แรงกายในการแลกเปลี่ยนมา แววไม่ได้หลอกลวงเงินของใคร แววนวดให้ลูกค้าเต็มที่ แววอยากให้ลูกค้าของแววทุกคนหายเจ็บ แววคิดว่า "แค่หวังดีและพยายามทำหน้าที่ของแววให้ดีที่สุด" ในเมื่อแววปรารถนาดี

ทุกวันนี้ แววจึงภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งกับอาชีพนี้
อาชีพที่คนภายนอกไม่อาจมองออกได้เลยว่า "จริง ๆ แล้ว หมอนวดที่ยึดมั่นในอุดมการณ์ตามคำสั่งสอนของอาจารย์ยังมีเหลืออยู่ ถึงจะมีเงินมากองไว้ตรงหน้า แววก็คงไม่เอาหรอก ถ้าเงินนั้นแววต้องแลกมากับน้ำตาของตัวเอง แววขอแลกกับเหงื่อของตัวเองดีกว่านะ"


ความภาคภูมิใจมันแตกต่างกันจริง ๆ และแตกต่างกันมาก ๆ ด้วยแหล่ะ
อยากให้เพื่อน ๆ ทุกคนภูมิใจกับงานที่คุณทำนะ
ขอให้ทุกคนยึดมั่นในการทำความดี
และทุกอย่างจะดีเองแหล่ะ
เพียงแต่ปัญหาที่เราจะต้องเจอมันจะทำให้เราเหนื่อย
แต่เราจะต้องผ่านไปได้ใช่ไม๊

วันเสาร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

กำลังใจ


เมื่อวานนี้ยังรู้สึกเหมือนชีวิตของแววจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ เลยนะ คิดอะไรไม่ออก หาทางแก้ปัญหาก็ทำไม่ได้ แต่พอแววไปที่ร้านของเพื่อน มันก็ทำให้แววมีความสุขมากขึ้นนะ ไม่ได้ไปตีหน้าเศร้าเล่าเรื่องราวของแววให้เพื่อน ๆ ในร้านฟังหรอกนะ แต่ก็ไปเฉย ๆ ไปนั่งทำรายงานที่อาจารย์สั่ง (เพราะแววเรียนจบคอร์สการนวดราชสำนักและแก้อาการเรียบร้อยแล้ว) ก็จะต้องมีการทำเหมือนแบบสอบถามความรู้สึกของลูกค้าที่มาใช้บริการกับเรา แล้วเค้ารู้สึกอย่างไร มีคำแนะนำไม๊ อะไรประมาณนี้แหล่ะ

ตอนไปที่ร้านแรก ๆ ก็ซึม ๆ เหมือนกันนะ เพราะว่ารู้สึกเหนื่อยมาก ๆ ไม่อยากทำงานเลย ท้อแท้ไปหมดเลยอ่ะ ไม่มีทางออก ปัญหานี้แก้ไม่ได้ ก็ไม่รู้จะทำยังไง ก็เลยทำเป็นไม่มีเรื่องอะไรดีกว่า ตอนที่ไปที่ร้าน (แววกินยาแก้เครียดไปแล้ว 2 เม็ดนะ) แต่มันทำให้ดีขึ้นหน่อย แววไม่ปวดไมเกรนแล้วก็เลยไปทำรายงานที่ร้าน ส่วนคนอื่น ๆ เค้าก็นั่งคุยกัน แล้วก็ทำพุ่มกฐินด้วย แววได้ช่วยด้วยนะ ในการติดแบงก์ให้พุ่ม (ก็ได้บุญกับเค้านิดหนึ่งละ)

ปรากฎว่าตอนทานข้าวเย็นอยู่ มีลูกค้าคนหนึ่งเค้ามานวด แล้วเค้าบอกว่าขอหมอนวดเก่ง ๆ ซึ่งคงไม่ใช่แววแล้วแหล่ะ (เพราะที่นั่งด้วยกันตอนนั้นมีหมอนวดอาชีพตั้งหลายคน แววยังเป็นมือใหม่สำหรับที่นั่นอยู่เลย) แต่ไม่มีใครนวดพี่เค้า แววก็เลยได้นวด เหมือนเป็นหนทางแห่งบุญมั้งที่ทำให้แววได้นวดเค้า ครั้งแรกก็เกร็ง ๆ นะ เพราะลักษณะของเค้าน่ากลัวอ่ะ แววก็เกรง ๆ เหมือนกัน แต่พอนวดไปสักพักพี่เค้าก็คุยปกติ แววก็เลยงงเหมือนเค้าไม่น่ากลัวเลย

แววได้ข้อคิดจากพี่เค้าเพราะว่าเค้าเป็นทหาร แต่เป็นทหารที่นั่งสมาธิด้วยนะ สวดมนต์ด้วย แต่เค้าเคยไปรบมาด้วยนะ เค้าเล่าให้แววฟัง แววก็เลยเล่าให้เค้าฟังเหมือนกันว่าแววท้อกับสิ่งที่แววทำแล้ว แววถามพี่เค้าว่าถ้าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับเค้า เค้าจะหยุดสวดมนต์เหมือนแววไม๊ เค้าตอบว่า "ไม่ เพราะนั่นเป็นมารอย่างหนึ่งที่ทำให้เราท้อแท้" วันนี้แววก็เลยกลับมาสวดมนต์อีกครั้งหนึ่งแล้วค่ะ ปกติก็สวดนะ สวดบ้างไม่สวดบ้าง แต่ก็ต้องสวดให้ได้้ 2-3 ครั้งในหนึ่งอาทิตย์นะ

เค้าให้ข้อคิดแววใหม่หมดเลยนะ
ให้คิดว่าว่าถ้านั่งสมาธิได้จริง ๆ จะเป็นยังไง คือ ความรู้สึกที่ได้รับในขณะที่นั่งสมาธิจะเป็นแบบไหน และให้แนวทางโดยให้แววไปหาพระอาจารย์คุมจิตใหม่ เพราะต้องเป็นอาจารย์ที่เก่งจริง ๆ ไม่อย่างนั้นแววอาจจะเจอเหตุการณ์เหมือนที่เคยเจอคือ (นั่งสมาธิอยู่ที่บ้านหน้าห้องพระแต่แววจะรู้สึกเหมือนโดนคนเอานิ้วมาทิ่มที่หน้าผากระหว่างหัวคิ้วให้หงายไปด้านหลัง แล้วทุกครั้งแววจะตกใจทุกครั้งนะ เพราะตอนนั้นรู้สึกว่ามันสงบ แต่ตัวของแววมันจะโยกเหมือนตุ๊กตาล้มลุกอ่ะ โยกไปข้างหน้า โยกไปข้างหลัง อยู่แบบนี้แหล่ะแต่จะมากหรือน้อยเท่านั้นแหล่ะ พอถ้าเริ่มโยกแล้วที่นี้สมาธิจะไม่ค่อยอยู่นิ่งแล้่ว เพราะกลัวว่าเดี๋ยวจะต้องเจอแน่ ๆ เลย เป็นอย่างนี้ประจำพอเริ่มโยกสักพักก็จะโดนเหมือนเดิม ผลักไปข้างหลังทำให้แววตกใจทุกครั้ง) พี่เค้าก็แนะนำให้แววไปหาพระอาจารย์ ขอคำแนะนำจากท่าน แล้ว เราจะทำได้ดีกว่านี้

เอานะ
คราวนี้แววก็จะเหมือนเดิม คือ จะไม่ยอมแพ้ ความรู้สึกมันเหมือนกับว่า วันนี้มันดีกว่าเมื่อวานนี้อ่ะ เพราะเมื่อวานนี้แววแทบกระอักออกมาเป็นเลือดเลยนะ ถึงแม้วันนี้จะไม่เงินซื้อนมให้ลูก แต่เดี๋ยวแววจะไปทำงานที่ร้าน ก็คงจะมีลูกค้าบ้างแหล่ะ

ทุกครั้งที่แววสวดมนต์ ตอนนี้แววขอแค่ให้แววได้เจอลูกค้าที่ดี ๆ ขอให้มีโชคลาภบ้าง ให้พอเลี้ยงแม่กับลูกได้โดยที่ไม่เดือดร้อนเหมือนทุกวันนี้ ส่วนเงินที่เหลือแววก็จะเอาไปทำบุญ ซึ่งข้อนี้แววทำอยู่แล้วไง

เงินที่แววได้จากการนวด แววจะแบ่งส่วนหนึ่งไปทำบุญเสมอเลยนะ แผ่บุญกุศลไปให้เจ้ากรรมนายเวรของแวว และลูกค้ารวมไปถึงหลานของแววและลูกของแวว แววจะพยายามทำให้ได้บ่อยมากขึ้น เพื่อที่ผลกรรมที่แววทำร้ายเค้ามันจะได้ลดน้อยลง เผื่อสักวันหลานของแวว อาจจะเห็นใจก็ได้

คือตอนนี้ ถ้าทำบุญแล้วจะนึกลูกและหลานตลอดเลยอ่ะ บางทีก็ลืมครูบาอาจารย์ หรือก็ลืมเจ้าที่ที่บ้าน แต่จากวันนี้จะพยายามจำให้ได้ให้หมด และจะพยายามทำให้ทุกอย่างอยู่บนสติให้ได้ แววต้องพยายามอีกมากเลยแหล่ะ เพื่อให้ผลบุญของแววมีประสิทธิภาพและเป็นบุญส่งไปให้เค้าได้มากที่สุด แววยังมีทางอีกไกลให้เดิน

แววต้องทำได้ จริงไม๊

กรรม


แววเคยตั้งความหวังไว้นะ "ถึงแม้แววเหนื่อยกาย ไม่เป็นไรหรอก เพราะถ้าตราบใดแววมีกำลังใจ แววจะสามารถผ่านปัญหาและอุปสรรคทุกอย่างไปได้แน่นอน"
แววเคยท้อหลายครั้ง
แววเคยเจอปัญหามามากมาย
แต่แววไม่เคยปล่อยให้ชีวิตของแววลอยไปตามโชคชะตาเลยนะ
แต่ก็แปลกเหมือนกันที่ครั้งนี้มันทำให้แววท้อได้แบบ "หมดกำลังทั้งกายและใจเลยทีเดียว"
แววมีแต่ต้องสู้ ถึงแม้จะเหนื่อยก็ไม่เป็นไร เพราะเดี๋ยวพักแววก็จะหายเหนื่อย แต่ถ้าปัญหาที่แววเจอตอนนี้ แววไม่สามารถพักได้เลย ถึงแม้แววเหนื่อยแค่ไหนก็ตามที แววไม่สามารถหยุดพักได้ แววต้องทำงาน แววต้องทำงาน แต่ไม่ใช่ว่าแววไปทำงานแล้วแววจะมีลูกค้านะ บางทีแววไปตั้งแต่ 4 โมงเย็นจนถึงเที่ยงคืน ไม่มีลูกค้ามานวดเลย แม้สักคนเดียว ขนาดแววไปอยู่ที่ร้านนะ ไปเป็นหมอประจำให้กับทางร้าน แต่แววกับไม่มีลูกค้าเลย
เหมือนมีอะไรมาทำให้ชีวิตของแววไม่สามารถพบเจอทางออกของปัญหาได้อีกต่อไปแล้ว
เคยเจอทางตันไม๊
ทางตันที่ตันจริง ๆ
แววไม่ใช่เด็กอ่อนหัด หรือว่าเด็กอมมือนะ ที่จะไม่สามารถแก้ปัญหาให้กับชีวิตได้ แต่วันนี้แววแก้ปัญหาอะไรไม่ได้จริง ๆ แววไม่สามารถหันหน้าไปพึ่งพาใครได้อีกแล้วถึงแม้ แววจะมีญาติพี่น้องที่ร่ำรวยมีกิจการเป็นของตัวเองกันทั้งนั้น แม้แต่คนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อของแววก็ตามที เค้ายังไม่ช่วยแววเลย

วันนี้แววอยากพัก วันนี้แววจะไม่ไปนวดที่ร้าน วันนี้แววเหนื่อยแล้ว วันนี้อยากนอน แววกินยาแก้เครียดไปแล้ว สักพักแววก็คงจะหลับได้จริงไม๊ แววเหมือนคนฟุ้งซ่านแล้ว และเริ่มวกไปวนมา เริ่มไม่ค่อยมีสติแล้ว
แววคิดว่า คงเป็นเพราะแววคิดมากเกินไปรึเปล่า ชีวิตของแววถึงต้องเป็นแบบนี้ เพราะชีวิตของแวว แววสู้มาตลอดไง แววไม่เคยท้อ พอถึงวันที่แววท้อขึ้นมา มันถึงหมดรูปได้มากขนาดนี้

55555
สมน้ำหน้าเน๊อะ
ให้เงินเค้าไปทำแท้งแล้วชีวิตของแววตอนนี้มันก็เลยพังพินาศขนาดนี้
ทำบุญไปเท่าไหร่ก็เหมือนทดสอบกำลังใจ
เพราะมันยิ่งไม่มีเงินให้ทำน่ะสิ
แต่ก็ยังทำนะ
ถ้ายังพอมีเหลือบ้าง
ก็จะทำ
เหนื่อยเหลือเกิน กับการชดใช้เวรกรรม
เหนื่อยเหลือเกิน กับการไม่รู้อนาคต
เหนื่อยเหลือเกิน ที่ไม่มีบุญใดสามารถช่วยให้พ้นไปจากอุปสรรคนี้ได้
เหนื่อยเหลือเกิน ที่ชีวิตของเราต้องเป็นแบบนี้อยู่ร่ำไป


มันจะพังได้มากกว่านี้อีกไม๊
ก็คงจะได้มั้ง
เพราะตอนนี้ก็เหลือแค่ชีวิตของคนที่แววรักเท่านั้นแหล่ะ ที่แววยังมี นอกนั้นเวรกรรมเอาไปหมดแล้ว
เพราะบุญของแววมันไม่พอที่จะชดใช้ให้กับเวรกรรมยังไงล่ะ แววถึงต้องมาเป็นแบบนี้
หากแววทำบุญมาเพียงพอ แววคงไม่ต้องมาเจอกับปัญหาบ้า ๆ แบบนี้หรอก
แต่วันนี้มันแทบไม่เหลือทางให้แววได้ทำบุญเลยจริง ๆ มันหมดแล้ว ทางจะให้เดินก็เหลือแค่เพียงก้าวได้เท่านั้น เหมือนเดินในซอกตึกที่ไม่มีทางได้เปลี่ยนท่าเดินเลยอ่ะ ต้องก้าวไปข้างหน้าอย่างเดียว ไม่มีทางออก เดินไปในทางแคบ ๆ ไม่สามารถถอยหลังได้ และไม่สามารถหาอนาคตเจอเช่นกัน มันคงจะเป็นอย่างนี้ไปจนกว่าชีวิตของแววจะจบล่ะมั้ง
บุญของแววไม่พอให้ชดใช้คืนเค้า แววก็ต้องเจอกับสิ่งเหล่านี้
นี่ยังดีนะ ที่บุญรับไปบ้างแล้ว ไม่อย่างนั้นนะ
หนักกว่านี้อีกเพียบ

เฮ้อ
เหนื่อย
อยากเจอทางออกจัง
อยากมีแสงสว่างนำทางจังเลย

ผลของกรรม


เมื่อ 2 วันก่อนคงมีหลาย ๆ คนได้อ่านข่าวเกี่ยวกับการทำแท้งเถื่อนที่มีการพบศพเด็กทารกเป็นจำนวนมากถึง 300 กว่าศพ และพบในภายหลังอีกกว่า 2000 ศพ
หลังจากที่แววได้อ่านฟังข่าวนี้
มันทำให้แววได้รู้สึกเลยนะว่า สิ่งที่แววเจออยู่ สิ่งที่ทำให้แววท้อแท้ สิ่งที่ทำลายชีวิตของแววทุกวันนี้ เกิดขึ้นจากอะไร?
แววไม่เคยทำแท้ง แต่แววเคยให้เงินน้องชายไปทำ
แววไม่เคยคิดหรอกนะว่า "สิ่งที่เราทำตอนนั้น มันจะมีผลมาถึงปัจจุบัน เพราะเหตุการณ์มันผ่านมานานมากแล้ว แต่หลังจากบวชชีพราหมณ์ออกมา มันทำให้แววได้รู้สึกและสำนึกในสิ่งที่แววได้ทำกับเค้า แววเกือบลืมเค้าไปแล้วด้วยซ้ำ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรมาดลใจทำให้แววรู้สึกว่า แววต้องทำบุญไปให้หลานของแวว และทำบุญไปให้ลุกของแววด้วยเช่นเดียวกัน"

แววรู้ว่าสิ่งที่แววทำมันผิด
"แววให้เงินน้องชายไปทำแท้ง ซึ่งตอนนั้นอายุครรภ์ประมาณ 6 เดือนกว่าแล้ว เด็กมีแขนขาแล้ว ถ้าถามแววว่าตอนนั้น แววกลัวเวรกรรมไม๊ แววตอบได้เลยนะ ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรไปมากกว่าอนาคตของน้องชายหรอก เพราะเค้าเพิ่งอายุไม่ถึง 20 ปีเลย ถ้าหลานคลอดออกมาแล้วอนาคตล่ะ จะเป็นอย่างไร แววมีเหตุผลที่ให้เงินเค้าไป แถมแววยังไปเป็นเพื่อนอีกนะ"
และผลกรรมหลังจากที่แววทำมันก็เหมือนติดจรวดจริง ๆ เลยอ่ะ

แววเลิกกับแฟนคนแรกของแวว หลังจากเหตุการณ์วันนั้นไม่ถึงหนึ่งเดือนเลย และก็มีอีกหลายเหตุการณ์ที่มันแย่ ๆ เกิดขึ้นมาในชีวิต แต่ตอนนั้นแววก็ไม่ได้คิดหรอกนะว่า "เกิดจากการที่เราไปทำให้เค้าตาย" แววคิดแต่ว่า "มันเกิดจากการกระทำของแววเอง มันเหมือนมีอะไรมาดลใจให้แวว อยากไปเที่ยว ไม่อยากไปเรียนหนังสือ เข้ากับคนอื่นยาก แววเบื่อ ตอนนั้นแววมีเงินนี่นา แล้วแววจะกลัวทำไมล่ะ แววก็เที่ยว ไม่สนใจเรียน ไม่กลับบ้าน ผลสุดท้ายแววก็เรียนไม่จบ ทั้ง ๆ ที่แววเป็นคนเรียนดีคนหนึ่งเลยนะ แววสอบติดในสถาบันเทคโนโลยีราชมงคลแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ แววไปเรียนได้แค่ 2 ปีเท่านั้นแหล่ะ ที่เหลือชีวิตของแววเหมือนกากเดนของสังคมน่ะ เพียงแค่ไม่เป็นภาระให้คนอื่น แต่เอาตัวเองให้รอดไปเป็นวัน ๆ เท่านั้นเอง"

พอผ่านไป 3 ปี "แววตั้งท้องลูกคนแรก แต่พอท้องได้ 3 เดือนครึ่งเค้าก็ตายไปในท้องของแวว แบบไม่มีสาเหตุ หมอบอกว่าการที่แววทะเลาะกับสามี มันไม่ได้กระทบกระเทือนถึงลูกในท้อง แต่ลูกของแววตายไปเอง"
เชื่อไม๊?
ตอนนั้นแววรู้สึกเหมือนโลกใบนี้มันกลวง ตัวแววมันเบาโหวงเลยนะ และที่สำคัญแววนอนร้องไห้เงียบ ๆ แต่น้ำตาแววไม่เคยหยุดไหลเลยตลอดเวลา ที่ลูกยังอยู่ในท้องของแวว ขนาดหมอเหน็บยาเร่งคลอดให้เด็กออกแล้วนะ แต่ลูกของแววก็ไม่ออก เค้าตายอยู่ในท้องของแววเกือบ 2 อาทิตย์ แต่แววก็ยังหลอกตัวเองว่า ลูกยังอยู่กับแวว ลูกยังไม่เป็นไร ความรู้สึกของแววนะ เหมือนมีใครมากระชากหัวใจออกไปเลยแหล่ะ แววเสียใจมาก ๆ เลยกับการที่แววต้องเสียลูกของแววไป

ทุกวันนี้แววยังจำหน้าของเค้าได้อยู่เลยนะ เค้าหลุดออกมาในเช้าของวันที่หมอนัดว่าจะผ่าออก เพราะเลือดของแววเริ่มไม่แข็งตัวแล้ว ถ้าหากมีการตกเลือดขึ้นมาจะเป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ตอนนั้นแววคิดว่าถ้าตายก็ตายเถ่อะ แววไม่อยากอยู่แล้ว แววเหนื่อยเหลือเกิน พอหมอบอกว่าพรุ่งนี้จะต้องผ่าเด็กออกนะ "แววก็อธิษฐานในใจบอกกับลูกว่า ลูกจ๋า! หนูคงไม่อยากให้แม่เจ็บใช่ไม๊ลูก ถ้าเป็นอย่างนั้น หนูก็ออกมาเถ่อะนะ แววบอกกับลูกอย่างนี้ตอนก่อนนอน เพราะหมอให้แววอดน้ำและอาหารตั้งแต่ 2 ทุ่มแล้ว"

แววเริ่มปวดท้องฉี่บ่อยมากตอนประมาณตี 4 เหมือนจะปวดเข้าส้วมประมาณนั้น แรก ๆ ก็เดินไปเข้าห้องน้ำจากชั่วโมงละครั้ง ก็เริ่มถี่ขึ้น แววเดินอยู่อย่างนั้นจนใกล้เวลาที่พยาบาลเค้าจะมาเปลี่ยนเวรกันแล้วแหล่ะ พอจะไปเข้าห้องน้ำอีกครั้งหนึ่งปรากฎว่ามีเสียงแตกดัง"โพล๊ะ"

ด้วยความตกใจแววก็เลยเอามือไปคว้าตัวลูกไว้อ่ะ แล้วก็ขึ้นไปนั่งบนเตียง และก็มองหน้าลูก เค้าตัวยาวเลยมือแววอีกนะ หน้าตาเหมือนรูปปั้นแกะสลักที่อยู่ในห้องศิลปะที่ไม่มีแขนอ่ะ ตาของเค้าเป็นรอยกรีด มีจมูกและปากแล้วด้วยนะ มีแขน มีขา มีผิวหนังที่ยังใสอยู่เลย ตัวลูกของแววซีดมาก ๆ แต่เค้าไม่ได้เน่านะ และก็ไม่เละ แววนั่งดูเค้าอยู่ "เหมือนเวลาจะผ่านไปนานมาก ๆ เลยนะ นานพอจะทำให้แววจดจำเค้าได้จนถึงทุกวันนี้"

แม่ยังจำลูกได้เสมอนะ คนดีของแม่

และพอเมื่อวานแววไปดูดวงกับพี่สาวของแวว "พี่คนนี้เค้าเป็นหมอดูที่เก่งมาก ๆ เลยอ่ะ เค้าดูอะไรไว้เนี่ย มันจะเกิดขึ้นจริงทั้งนั้นเลย และที่สำคัญนะ พี่เค้าไม่รู้ว่าทำไมแววถึงดวงตก เกิดขึ้นจากอะไร เพราะอะไร เนื่องจากแววเป็นคนที่ทำบุญสม่ำเสมอ สวดมนต์ ไหว้พระ ก็ถือว่าเป็นคนดีในระดับหนึ่งก็ว่าได้ แต่เกิดอะไรขึ้น ทำไมแววถึงเป็นแบบนี้ เมื่อวานได้ไปคุยกับพี่เค้า และเราก็เลยลองถามพี่เค้าเรื่องนี้ดู"

เค้าบอกว่าที่แววต้องสูญเสียลูกของแววไป เพราะหลานของแววเค้ามาเอาไป และทุกวันนี้สิ่งที่แววเผชิญหน้ากับทุกปัญหา นั่นคือสิ่งที่เรียกว่า "เวรกรรม"

แววเรียนรู้เรื่องพวกนี้มาเยอะนะ แววใช้ระยะเวลาของแววที่ผ่านมาเกือบทั้งชีวิตของแววจะวนเวียนอยู่แต่กับเรื่องของ "เวรกรรม" แต่มากันในหลาย ๆ รูปแบบ มาจนแววเหนื่อยแล้วในวันนี้ แววไม่อยากคิดอะไรอีกต่อไปแล้ว แววเหนื่อยเต็มที แววอยากจะถามหลานของแววเหลือเกินว่า "ถ้าสิ่งที่เกิดขึ้นกับป้าตอนนี้มันเกิดขึ้นมาจากหลาน จากความอาฆาตพยาบาทของหลาน ป้าควรทำยังไง ให้หลานให้อภัย ป้าไปบวชให้หลานแล้ว ป้าทำทุกอย่างที่ป้าพอจะทำได้ให้หลานไปแล้ว หลานต้องการอะไรเหรอ หลานต้องการชีวิตของป้าด้วยไม๊ ป้ารู้ว่าสิ่งที่ป้าทำมันเป็นการทำร้ายหลาน โดยที่ป้ารู้ว่ามันผิด แต่เพื่ออนาคตของพ่อของหลาน จะให้ป้าทำยังไงเหรอ ป้าไม่รู้ ว่าบุญกุศลที่ป้าทำมันจะส่งไปถึงหลานไม๊ ป้าไม่รู้ว่าหลานอาฆาตป้าแค่ไหน ป้าควรทำอย่างไรดี ถ้าจิตของหลานสามารถสือมาถึงป้าได้ ช่วยดลจิตดลใจให้ป้า หาทางออกให้ได้ ให้ป้ามีหนทางที่จะทำให้หลานของป้ามีความสุข ให้หลานได้สะสมบุญไปพร้อม ๆ กับป้าและลูกคนแรกของป้า ให้ป้าได้ทำบุญไปให้เพื่อเป็นฐานของบุญให้หลานของป้าและลูกของแม่ได้ไปสู่ภพภูมิที่ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป"

วันนี้แววเหนื่อยเหลือเกิน แววอยากจะหลับ บางครั้งแววอยากจะตายไปซะด้วยซ้ำไป แววหาทางออกไม่เจอเลยจริง ๆ ถึงแม้ว่าแววจะมีพระพุทธศาสนาอยู่ในใจมาตลอด การฆ่าตัวตายมันเป้นบาปมหันต์ แต่ถ้าบุญที่เราทำไม่สามารถช่วยเหลืออะไรเราได้เลย แล้วเราควรทำอย่างไรดี?

แววรู้นะ "ปัญหามีไว้แก้ไข แต่สำหรับผู้หญิงคนเดียว ที่ไม่ได้มีสามีเป็นผู้นำทางของชีวิต และมีภาระที่ต้องดูแล มีแม่และมีลูกชายที่ต้องดูแล แต่แววไม่มีทางหาเงินมาเลี้ยงดูได้ แววไม่สามารถหยุดทำงานได้ วันไหนที่แววหยุดวันไหน จะไม่มีเงินมาใช้จ่ายในบ้าน"
ในวันนี้ ปัญหาเหล่านี้สำหรับแววมันอาจหนักเกินไปก็ได้นะ มันอาจจะมากเกินกว่าที่แววจะแก้ไขมันได้ด้วยพระพุทธศาสนา คำสอนของพระพุทธศาสนายังอยู่ในใจของแววเสมอมา และคงอยู่ตลอดไป แววสำนึกในทุกครั้งที่แววทำบาป แต่เวรกรรมแบบนี้มันหนักเกินไปรึเปล่า แววไม่มีสิทธิ์อุทธรณ์หรือต่อรองใด ๆ กับใครทั้งสิ้น เพราะแววทำตัวเองใช่ไม๊

หลานของแววคงไม่มีวันให้อภัยแวว
ชีวิตของแววถึงต้องเจอแต่ปัญหาและเวรกรรมทั้งหลาย ทั้งหมดทั้งมวลที่เข้ามาขนาดนี้ใช่ไม๊
แววรู้ถึงที่มาแห่งความทุกข์ แต่แววไม่สามารถหาหนทางแห่งการดับทุกข์นี้ได้ เพราะแววไม่มีแรงเหลือที่จะทำความดีหรือบำเพ็ญบารมีต่อไปอีกแล้ว แววเหนื่อยเหลือเกิน แววอยากหลับ

แววเคยขอนะ "ขอเทพ ขอเทวดา และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายช่วยแววด้วย แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย พอแววเริ่มอยู่ตัวทุกอย่างมันก็ประดังเข้ามาเหมือนพายุ เหมือนน้ำป่า แล้วแววจะมีกำลังใจได้อย่างไร ท่านไม่ใช่ไม่ช่วยนะ แต่อาจจะเป็นเพราะเวรกรรมของแววมากเกินกว่าที่จะแก้ไขอะไรได้แล้วมั้ง ชีวิตถึงต้องเป็นแบบนี้"

"สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้เพิกเฉย แต่ท่านช่วยแววได้แค่นี้ เพราะบุญของแววมีแค่นี้ บุญที่แววทำมามันส่งผลให้แววได้แค่นี้ แววจึงไม่สามารถผ่านเวรกรรมนี้ไปได้ เวรกรรมครั้งนี้มันหนักเหลือเกิน แววพบ "ปัญญาทางสว่างแห่งการดับทุกข์" แต่แววไม่เหลือแรงที่จะดำเนินไปตามทางนั้นแล้ว
ชีวิตของแววชาตินี้อาจะเกิดขึ้นมา เพื่อค้นพบแค่นี้รึเปล่า

วันเสาร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ผลของการทำความดี


ถึงแววจะเหนื่อยนะ สำหรับอุปสรรคปัญหาทั้งหลายที่แววต้องเจอในขณะนี้ แต่แววก็ยังไม่ท้อถอยนะ
แววก็ยังทำความดีต่อไปเรื่อย ๆ เพียงแต่แววอาจจะไม่ได้ทำเยอะเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
เพราะในตอนนี้แววหาเงินมาได้เพียงเล็กน้อยมาก เมื่อเทียบกับสมัยก่อน
เพียงแต่สิ่งที่แววได้รับตอบแทนจากการประกอบสัมมาอาชีวะนั้น มันคุ้มค่ามาก ๆ เลยนะ
เพราะผลของการทำความดี ทำให้ในวันนี้ "แววสามารถนั่งสมาธิได้แล้ว"
แววเคยพยายามที่จะนั่งสมาธิมาตลอดเลยนะ
เพราะแววเชื่อว่า การภาวนา คือ การทำความดีขั้นสูง
หากฐานบุญของผู้ที่ต้องการจะทำนั้นไม่แน่นพอ ก็คงจะทำไม่ได้
แต่ในช่วงที่แววลำบาก
แววสามารถทำได้แล้ว
"จิตใจของแววไม่ฟุ้งซ่านอีกแล้วนะ"
"แววสามารถนั่งสมาธิได้แล้ว"
"แววรู้จักกับคำว่า พอ"
สิ่งเหล่านี้แวว คิดว่ามันน่าจะสำคัญ มากกว่าเงินทองภายนอกนะ
แต่ไม่ได้หมายความว่า เงินไม่สำคัญนะ
สำหรับแววเงินก็ยังสำคัญมากเช่นกัน แววถึงต้องทำงานยังไงล่ะ
แววทำงานวันหนึ่ง เกือบ 18 ชั่วโมงเลยนะ แต่แววก็ยังประสบพบเจอกับปัญหาเรื่องการเงินอยู่เช่นเดิม
ไม่รู้สิ
แววไม่ได้อดอยากนะ เพียงแต่แววไม่มีเงินเหลือ
เหมือนฟ้าก็ยังมีตา ชี้ทางให้เราได้ทำ และสิ่งเหล่านี้มันคือสิ่งที่ถูกที่ควร
แววอยากทำให้ได้ดีกว่านี้
แววอยากทำให้แม่ของแวว "สุขสบายนะ" แต่แววทำได้แค่นี้
แววยังมีความพยายามอยู่ แวจะไม่ท้อหรอก
เพราะวันนี้ แววยังมีงานทำ แววยังมีวิชาความรู้ในการนวดอยู่กับตัว
ที่สำคัญแววยึดมั่นในความถูกต้องของศีลธรรมมากมั้ง
ทำให้แววไม่ค่อยมีเงินเหมือนเพื่อน ๆ น่ะ

วันนี้แววอยากจะบอกให้เพื่อน ๆ หลายคนรู้นะ
"การทำความเป็นเรื่องที่ยากสำหรับแววนะ แต่แววก็ยังเดินหน้าที่จะทำต่อไป แววจะค่อย ๆ ก้าวไปข้างหน้าเพื่อที่จะทำความดี แววจะไม่รีบอีกแล้ว และผลของการทำความดีในอดีต ทำให้วันนี้ แววสามารถ ทำความดีขั้นสูงได้ แววสามารถนั่งสมาธิได้แล้ว"
แววอยากให้เพื่อน ๆ รู้นะว่า
ความดีเป็นเรื่องยากก็จริง แต่เราสามารถเอาชนะได้ ด้วยความเพียร
และผลของการทำความดีรอให้เพื่อน ๆ ได้สัมผัสอยู่
ลองดูนะ

วันศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

สวดมนต์


แววสามารถบอกให้เพื่อนหรือคนที่แววรู้จัก ไปทำบุญ หรือชวนคนเหล่านั้นมาสวดมนต์ได้นะ
แววสามารถบอกให้หลาย ๆ คนเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับความเชื่อที่ผิดได้
แต่แววไม่สามารถทำให้ตัวเองมีความสม่ำเสมอในการทำบุญ หรือแม้แต่การสวดมนต์ แววก็ไม่สามารถทำให้เป็นเรื่องที่สม่ำเสมอไม่ได้ แววคงไม่ใช่คนดีอีกแล้วมั้ง
เพราะช่วงที่แววสวดมนต์เยอะ ๆ แววจะพยายามมาก ๆ เลย เวลาสวดมนต์แววไม่มีความสุขหรอกนะ แววจะระวัง จะกลัวว่าจะมีใครมาทำให้เสียสมาธิรึเปล่า แต่ก็มีบ่อยนะที่การสวดมนต์ของแววทำให้แววมีจิตใจที่สงบเยือกเย็นและมีสติมากขึ้นจริง ๆ แต่ช่วงหลังมา หลังจากที่แววไปบวชชีพราหมณ์มา 3 วัน (แววพาลูกชายกับแม่ไปอยู่ด้วยกันที่วัดด้วย) แววตั้งใจไว้แล้วว่าแววจะไม่หยุดสวดมนต์ แววจะสวดมนต์ให้ได้ทุกวัน แต่สุดท้ายแววก็ทำไม่ได้ เพราะอะไรรู้ไม๊

เพราะแววสวดมนต์ทุกวัน ฐานะทางการเงินของแววก็แย่ลง แย่ลง แย่ลง จนไม่มีเงินเหลือในบ้านเลยแม้แต่ 1 บาท แววเอาเงินเหรียญบาทไปซื้อกับข้าวมาทำให้แม่กับลูกกิน ไม่มีลูกค้ามานวดที่บ้านของแววเลย ไม่มีลูกค้าไปนวดที่ร้านที่แววทำงานด้วยเหมือนกัน นมของลูกหมด แววก็ไม่มีเงินไปซื้อนมให้ลูก แววต้องไปขอยืมพี่คนหนึ่ง ซึ่งเค้าเป็นลูกค้าของแววให้เค้าช่วยหน่อย พี่เค้าก็ดีนะ ช่วยเหลือให้แววยืมเงิน ก็เลยรอดตัวไป ลองคิดดูนะ "ถ้าคุณมัวแต่สวดมนต์ แต่คุณไม่มีเงิน แล้วคุณมีภาระรอคุณอยู่ข้างหลัง คุณจะทำยังไง" แววรู้สึกว่าใจของแววไม่บริสุทธิ์แล้วสำหรับการสวดมนต์ เพราะแววสวดมนต์แล้วแววเครียด แววโมโหใส่แม่ของแวว และใส่อารมณ์กับลูก แววก็เลยเริ่มมองว่ามันไม่ใช่แล้วแหล่ะ แววเริ่มรู้สึกผิดในสิ่งที่แววได้ทำกับแม่และลูก แววก็เลยเริ่มมองใหม่ ลองคิดใหม่ดู ว่าถ้าใจของแววยังไม่พร้อม แล้วใจของแววไม่บริสุทธิ์ ถึงแม้แววจะเสียดายเวลา 21 วันที่แววสวดมนต์มา แต่แววคิดว่าระยะเวลาทั้งหมดที่แววสวดมนต์มานั้น คงไม่มีความดีอะไรเลยมั้ง เพราะมันเป็นการเพิ่มทุกข์ให้ตัวเองอ่ะ และแววก็ทำให้แม่ไม่มีความสุขด้วย แววก็เลยหยุดก่อน ตอนนี้อาศัยสวดมนต์ระหว่างทางที่ไปเรียนการนวดแบบราชสำนักที่โรงเรียน (อยู่ห่างจากบ้านประมาณ 10 กิโลเมตรได้มั้ง ก็ดีนะ สวดแล้วเหมือนปลดปล่อย ไม่รู้นะว่าวิธีนี้จะได้บุญไม๊ แต่รู้สึกสวดมนต์แบบนี้แล้วมีความสุข)

ตอนนี้แววอาศัยอย่างเดียว คือ ทำยังไงให้จิตใจของแววบริสุทธิ์ พยายามจะวางใจให้เป็นกลางนะ ไม่โมโห ไม่ใส่อารมณ์ มองอะไรรอบ ๆ ตัวของแววที่แววต้องเผชิญหน้าอยู่ในตอนนี้ มันคือเวรกรรมของแววเอง มันคือสิ่งที่แววได้เคยทำไว้กับคนเหล่านี้ ในอดีต ในวันนี้แววก็เลยต้องมาชดใช้ให้เค้าน่ะสิ แววพยายามจะไม่ก่ออารมณ์ให้มัวหมองนะ เพราะมันจะยิ่งทำให้แย่ลงไปมากกว่าเดิมอีก

ตอนนี้แววขอทำความดีกับพระอรหันต์ในบ้านของแววก่อนนะ "แม่ของแวว"
แววไม่อยากทำให้แม่เสียใจอีกแล้ว
ทุกวันนี้แววก็ทำให้แม่ต้องมาลำบากกับแวว
ชีวิตของแววเกิดมาไม่เคยทำให้แม่มีความสุขเลย แววทำให้แม่ทุกข์ตลอดเลยอ่ะ
แล้วทำไมแววจะต้องไปขวนขวายหา "พระ" นอกบ้าน ด้วยล่ะ
ในเมื่อ "พระในบ้าน" แววยังไม่สามารถทำให้ท่านมีความสุขได้เลย
งานที่แววทำก็ไม่ประสบความสำเร็จ
เงินที่ได้มาก็ไม่เคยพอที่จะใช้จ่ายในบ้านเลย
แต่แววมีความสุขนะ เพราะเงินทุกบาทที่ได้มา มันเกิดขึ้นมาจากความพยายามของแวว มันคือหยาดเหงื่อแรงงานของแวว ถึงแม้มันจะน้อยมาก ๆ เลยเมื่อเทียบกับจำนวนเงินที่แววได้ใช้ไปเมื่อก่อน เทียบไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
วันนี้แววมีความสุข อยู่บนคำ ๆ เดียว คือ "พอเพียง" แววได้รู้จักแล้วกับคำ ๆ นี้
วันนี้มี พอสำหรับพรุ่งนี้ แค่นี้แหล่ะ ที่ขอให้ได้เจอในแต่ละวัน
แววไม่ขอมากไปกว่านี้หรอก ถ้าได้มากหน่อยก็ดีจะได้เอาไปใช้หนี้ให้หมด ๆ ไป แล้วทีนี้แววก็จะสามารถเริ่มต้นใหม่ได้แล้วแหล่ะ

แต่ชีวิตของเรามีอุปสรรคไว้ให้เราผ่านมันไปให้ได้ใช่ไม๊
แววก็ต้องผ่านอุปสรรคนี้ไปได้เหมือนกัน
แต่จะเป็นเมื่อไหร่นั้น คงไม่มีใครตอบได้
แววก็ท่อง "คำขออโหสิกรรมทุกวันนะ" "แผ่เมตตาให้ตัวเอง" "แผ่เมตตาให้สัตว์" "แผ่ส่วนกุศล" อันนี้จะพยายามทำให้ได้ทุกวัน เผื่อเจ้ากรรมนายเวรของแววจะสงสารแววบ้าง เปิดทางให้แววได้ประสบความสำเร็จกับชีวิตกับเค้าบ้างสักครั้ง
อันนี้คือความฝันเล็ก ๆ น้อยอ่ะนะ แต่คงยากที่จะเป็นจริง
เพราะแววเคยอ่านหนังสือ เค้าบอกว่า ขอให้ประสบความสำเร็จ กับ รวย เนี่ย เป็นคำขอที่เป็นผลได้ยากมาก ๆ เลยแหล่ะ พอแววได้รู้อย่างนี้แล้ว แววก็เลยไม่ค่อยอยากหวังหรอก แค่แอบมีนิด เผื่อฟลุ๊ก 555

อย่าให้พรุ่งนี้ แย่กว่าวันนี้ก็พอแล้ว
แววขอให้พรุ่งนี้แววมีลูกค้าก็พอแล้วแหล่ะ
ต่อให้ลูกค้าเยอะแค่ไหน
จากวันนี้แววจะไม่งอแง จะไม่ท้อถอย
เหนื่อยงานแล้วมีเงิน
ดีกว่าเหนื่อยใจ แล้วไม่มีเงิน
แววจะทำให้ได้
แววจะพยายาม
ขอแค่ให้แววมีลูกค้าเถ่อะ

ความดี


เคยคิดไม๊ว่า
"ชีวิตนี้ของเราจะได้สุขสบายเมื่อไหร่กัน"
"สิ่งที่เราทำอยู่ในทุกวันนี้มันถูกจริง ๆ เหรอ"
"รู้ไม๊ว่าการทำความดีมันยากมาก ๆ เลยนะ"
"เพราะสุดท้ายแล้วคุณจะแพ้ใจคุณเอง"

การทำความดีขึ้นอยู่กับจิตใจของคุณเป็นสำคัญที่สุดเลยแหล่ะ ขนาดว่าตัวแววเองที่คิดว่าตัวเองมั่นคงแล้ว และจะไม่หวั่นไหวต่อกิเลศหรือเครื่องเหนี่ยวนำจิตใจให้ตกต่ำลง แววเคยคิดไว้นะ ว่าแววจะไม่หวั่นไหวอีกต่อไปแล้ว แววจะเดินหน้าเต็มที่เพื่อที่จะทำความดีต่อไป แววพยายามสวดมนต์ให้ได้ทุกวัน แววทำได้ติดต่อกัน 21 วัน และสุดท้ายแววก็ล้มเลิก เพราะในระหว่างที่แววทำนั้น แววไม่มีเงินเลยจริง ๆ ไม่มีแม้แต่ลูกค้าจะมานวดที่บ้าน หรือไปที่ร้านของเพื่อนก็ไม่มีลูกค้าไปนวดเหมือนกัน แววคิดว่าถ้าในวันนี้แววเดินหน้าทำความดีเต็มที่ แต่แววไม่มีเงินมาซื้อนมให้ลูกกิน และไม่มีเงินมาซื้อกับข้าว ซื้อยาให้กับแม่ แววควรจะทำไม๊ แววอยากถามเพื่อน ๆ ว่า "ถ้าเพื่อน ๆ เป็นแวว เพื่อน ๆ จะทำยังไง"

แววไม่ได้ลำบากแบบนี้เป็นครั้งแรก และนี่ก็ไม่ใช่ว่าเป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต แต่ทุกอย่างที่แววต้องประสบพบเจอในวันนี้ ทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นมาจาก "ความประมาท" ขนาดแววเคยเจอเรื่องที่ร้าย ๆ มาหลายเรื่องแล้วนะในชีวิตที่เกิดมาจนถึงทุกวันนี้ แต่แววก็ยัง "พลาด" เพราะอะไร "เพื่อน ๆ รู้ไม๊?"

เพราะแววประมาท หลงอยู่ในความสุขสบาย คิดแต่ว่าสิ่งที่แววเจอมันคือความสุข และความสุขเหล่านี้จะยั่งยืนต่อไป เหมือนตอนก่อนที่แววจะหนีออกจากบ้านเมื่อ 8 ปีที่แล้ว แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่เลย ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมดแล้ว บ้านของแววไม่ได้ร่ำรวยเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไปแล้ว แววกลับมาที่บ้าน แต่เชื่อไม๊ว่าบ้านที่แววเคยเติบโตมา ได้ถูกขายออกไปแล้ว พี่น้องของแววทุกคนที่โตมาด้วยกัน แยกย้ายกันออกไปจากบ้าน ทุกคนไปเผชิญหน้ากับเวรกรรมในรูปแบบที่แตกต่างกัน แต่แววคิดว่ายังไงแววก็จะต้องรอด เพราะแววเป็นลูกของป๊านี่นา ป๊าคงไม่ทิ้งแววหรอก แต่แววลืมคิดไปนะว่า "วันนี้แววมีลูก แววมีสามีแล้ว แววไม่ใช่คน ๆ เดียวอีกแล้ว" ป๊าไม่สามารถเลี้ยงดูครอบครัวของแววได้"

และแววก็ลืมตัว ลืมความทุกข์ ลืมความลำบาก ลืมความเศร้า ลืมอดีต ที่แววเคยเจอมา แววลืมหมดเลย เพราะแววมีความสุขยังไงล่ะ ความสุขที่จอมปลอม ความสุขที่หลอกให้เราพลั้งเผลอและประมาทในการดำรงชีวิต และแววก็เดินลงไปในหลุมของความประมาทเต็ม ๆ เลย

วันนี้แววขอทำความดีแค่พอประมาณ ไม่มากเกินไป ไม่บังคับจิตใจของเรามากเกินไป
แววคิดนะว่า "การทำความดี ควรเริ่มต้นที่จิตใจของเราก่อนดีกว่า ถึงแม้จิตใจของแววมันอยากจะร้องตะโกนเหลือเกินว่าอยากไปทำบุญมาก ๆ เลยนะ อยาก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ อยากแบบสุด ๆ เลยแหล่ะ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ แต่แววจะต้องทำบุญนะ ยังไงก็ต้องทำ ไม่มากก็น้อยแหล่ะ แต่ต้องทำ
แววเป็นแค่บุคคลธรรมดา แววไม่ได้มีบารมี แววไม่ได้มีญาณวิเศษ แววไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ แล้วแววจะไปช่วยเหลือใครได้ล่ะ แววจะพยายามเพียรทำความดีได้อย่างไร ถ้าในวันนี้แววยังต้องประสบพบเจอกับเรื่องพวกนี้ แววต้องทำงาน หาเงิน มาซื้อนม ซื้อข้าว ให้ตัวแววเอง ให้ลูกและแม่ของแวว แล้วถ้าแววต้องเจอกับการไม่มีลูกค้ามานวดตลอด แววควรทำยังไงล่ะ
แววไม่มีเงินซื้อของเข้าบ้าน แววไม่มีเงินซื้อขนมให้ลูก ใครจะช่วยแววล่ะ
เพราะสิ่งเหล่านี้ คือสิ่งที่เจ้ากรรมนายเวรชอบที่สุด คือ เราท้อ ที่จะทำความดี
ใช่แล้วแหล่ะ วันนี้แววท้อแล้วกับการทำความดี แต่แววยังไม่ได้ถอยนะ เพียงแต่แววขอหยุดความดีไว้ในตำแหน่งนี้ไปสักพัก ก่อนที่แววจะเริ่มเดินหน้าพยายามอีกครั้ง แววขอยืนตรงนี้ให้มั่นคงก่อนนะ แววกลัว กลัวว่าพรุ่งนี้มันจะแย่กว่าวันนี้ ถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ แววคงหาทางออกให้กับชีวิตไม่ได้จริง ๆ


แววอยากเป็นกำลังใจให้เพื่อน ๆ หลายคนที่ทำความดีนะ อย่าท้อแท้ อย่าท้อถอย ถ้าเราล้มเราสามารถลุกขึ้นมาใหม่ได้ แต่เราอาจจะต้องใช้เวลากับการลุกขึ้นยืนอีกครั้ง มันไม่ง่ายหรอก แต่แววเชื่อมั่นว่าทุกคนมีความดีในตัว เราสามารถลุกขึ้นได้แน่นอน เพียงแต่ต้องใช้เวลา

แววก็กำลังใช้เวลาเหมือนกัน
พยายามด้วยกันนะ
เป็นกำลังใจให้ทุก ๆ คนนะ
ทุกวันนี้ ชีวิตของแววอุทิศให้กับคนสองคนนี้จริง เพื่อแม่ และเพื่อลูก คนที่รักแววมากที่สุดในชีวิต และไม่เคยทำร้ายแววเลย ความดีทุกอย่างที่แววจะได้รับจากการเผยแพร่บทความจากประสบการณ์จริง ๆ ของชีวิตแวว จากทุก ๆ ความดีที่แววได้ทำ แววขออุทิศให้กับ คุณกัลยาณี เบญจโศภิษฐ์ และเด็กชายณัชนันท์ แก้วสุทธา รวมไปถึงเจ้ากรรมนายเวรและบรรพบุรุษของบุคคลทั้งสองนี้ด้วย ขอท่านทั้งหลายมาร่วมอนุโมทนาบุญกับข้าพเจ้าด้วย