วันพุธที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2553

ชีวิต



เคยรู้สึกไม๊
"ทำไมภาระเราเยอะจัง"
"ทำไมเราต้องลำบากขนาดนี้"
"ทำไมคนอื่นไม่เห็นต้องลำบากเหมือนเราเลย"
"ทำไมไม่เห็นเค้าต้องรู้สึกผิดเวลาที่ทำอะไรไม่ดีก็แล้วแต่"
เพราะคนแต่ละคนแตกต่างกัน โตขึ้นมาบนบรรทัดฐานเดียวกัน แต่ก็ยังต่างกันในด้านของความคิด
สิ่งนี้เราขอเรียกว่า "จิตสำนึก"
ในวันนี้ วันที่เราได้กลายเป็นคนหาเลี้ยงครอบครัว ไม่ใช่คุณแม่อีกต่อไปแล้ว
ความรู้สึกเหน็ดเหนื่อยเหล่านี้ มันจึงมีมากมาย เหนื่อยทุกอย่าง เหนื่อยทุกเรื่อง
ตอนที่คุณแม่เลี้ยงฉันมา สบายกว่านี้ ตอนนี้ฐานะทางบ้านของเรารวยกว่านี้หลายร้อยเท่า
แต่ช่างเถ่อะ
วันนี้ถึงจะเหนื่อยหนักหนาสาหัสแค่ไหนก็ตามที
เราก็มีความสุขนะ ถ้าหากวันใดคุณสามีของเราไม่อยากได้อะไรที่มันเกินตัว เกินฐานะ
เรามีความสุข เป็นช่วง ๆ แต่ละช่วงจะขึ้นอยู่กับสามีเป็นหลัก
แต่ช่างเถ่อะ
ชีวิตคนเราเกิดมาเพื่อเผชิญหน้ากับปัญหาไม่ใช่หรือ
ทุกชีวิตล้วนเกิดมาบนวิถีทางแห่งชีวิตของตนเอง
ต้องบอกว่า ย่ากับป้าหลาย ๆ ท่านที่เลี้ยงเรามา ท่านสอนเรามาดี
ท่านสอนให้เรามี "จิตสำนึกในบุญคุณของบุพการี" และ"การเกรงกลัวการทำบาป"
ตอนที่พวกท่าน ๆ ยังอยู่ก็ไม่ค่อยจะสำนึกเท่าไหร่นักหรอก
วันนี้ หลาย ๆ ท่านได้จากเราไปไกลซะแล้ว ยังไม่ทันได้ตอบแทนบุญคุณของค่าน้ำนมเลยด้วยซ้ำ
เราไม่ได้ทานนมแม่ เราทานนมป้า ๆ ที่มีลูกรุ่นราวคราวเดียวกันมา
คำสอนต่าง ๆ
ทำให้เรากลายเป็นคนกลัวการทำบาปมาก ๆ ๆ ๆ ๆ
เราชอบทำบุญ เราชอบสวดมนต์ เราชอบคิดดี แค่ผิดศีลไป 1 ข้อ เครียดไป 3 วัน ต้องไปขอรับศีลใหม่จากพระที่วัด
แต่เมื่อใดก็ตามที่เราเผลอปุ๊บ จะต้องมีอะไรมาทำให้เราผิดในสิ่งที่เราทำ อาจจะลืมใส่บาตร ลืมสวดมนต์ ซึ่งถ้าให้พูดกันจริง ๆ แล้ว บางทีก็ท้อจริง ๆ น่ะแหล่ะ เมื่อไหร่ผลแห่งการกระทำความดีจะบังเกิด ขนาดไปทำงานเป็นลูกจ้างคนอื่นทั้ง ๆ ที่ไม่เคยทำ ยังไม่มีงานให้ทำเลย คิดเอาก็แล้วกัน มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย
เพราะเราทำความดีมากไปรึเปล่า เจ้ากรรมนายเวรของเราก็เลยมาทวงเยอะ
แต่อันนี้ไม่น่าเกี่ยว
งงเหมือนกันนะ หาทางออกไม่ได้
เจอทางตัน
มีอาชีพเลี้ยงตัวเองและครอบครัวอย่างเดียวเองที่ทำเป็น พอลูกค้าน้อยก็ไม่รู้จะทำอะไรแล้วตอนนี้ ต้องบอกว่า "งงกับชีวิต" มาก ๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น