วันจันทร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2553

ท้อง (แท้ง)


เมื่อครั้งแรกที่เราได้รู้จัก ได้ประสบพบเจอกับคำว่า "ลำบาก" ก็ตอนที่ได้เจอกับผู้ชายคนนี้ "คนที่เป็นพ่อของลูกในทุกวันนี้" เมื่อก่อนชีวิตไม่เคยได้รู้จักหรอกนะ "ความทุกข์เป็นยังไง" "ความลำบากเป็นยังไง" เพราะเราโตมาในครอบครัวใหญ่ และค่อนข้างมีฐานะทางการเงินที่ดีพอสมควร
แต่ไม่รู้ว่าอะไรดลจิตดลใจเรานะ ให้รู้สึกว่า ถ้าเป็นผู้ชายคนนี้เค้าจะสามารถดูแล และปกป้องเรารวมไปจนถึงลูกได้ "ทุกวันนี้ก็ยังไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมคิดแบบนี้"
ท้องแรก ตั้งใจจะปล่อย ให้ท้องกับคนนี้แหล่ะ (ตอนนั้นกะว่าจะไม่กลับมาที่บ้านอีกต่อไปแล้ว เพราะว่าบ้านแฟนก็ค่อนข้างโอเคเลย มีฐานะพอดี ๆ ไม่ต้องรวยมาก แต่เหมือนกับว่าอบอุ่นอ่ะ เค้ามีพ่อแม่อยู่ด้วยตลอดเวลาก็เลยรู้สึก เหมือนครอบครัวในฝันเราเลย อยากเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวนี้) แต่พอเริ่มท้องก็เริ่มแล้วอาการแพ้ แพ้มาก ๆ เลยแหล่ะ ไม่อยากกินอะไรเลย เหมือนลูกจะเป็นผู้ดีอะไรประมาณนั้น แล้วทำอะไรก็ได้เงินเป็นกอบเป็นกำ มีเงินมากเลยแหล่ะ แต่เชื่อไม๊ว่าเราทะเลาะกับแฟนได้ตลอดเวลาเลยแหล่ะ
บางทีทะเลาะกันจนเค้าไล่เราออกจากบ้านก็มีเหมือนกันนะ ไล่เหมือนหมู ไล่เหมือนหมาเลยแหล่ะ แต่เราไปไหนไม่ได้แล้ว ถ้าจะให้เราหอบลูกในท้องกลับมาที่บ้านเราก็กลัวพ่อกับแม่จะเสียหน้า เสียใจ คือชีวิตนี้ตอนนั้นเราตัดสินใจแล้ว ว่าจะไม่เป็นคนฉีกหน้าของพ่อเด็ดขาด และจะไม่ทำให้แม่ต้องเสียใจอีก เราก็เลยอดทน ประมาณเหมือนหน้าด้าน หน้าทนเลยนะ
บางทีโดนหลานของแฟนซึ่งยังเป็นเด็ก ๆ อยู่เลยว่ามา แบบว่าหน้าชาเลยนะ เหมือนกับเค้าบอกว่าเราหน้าด้าน ไม่รู้จักไปสักที อยู่ที่นี่ก็ทำให้หลาย ๆ คนอึดอัดใจ น่ารำคาญ เด็กนะคะ คำพูดของเด็กประมาณ 5 ขวบมั้ง โห! เรารู้สึกแย่มาก ๆ เลยอ่ะ วันนั้นก็เลยตัดสินใจว่า จะไม่อยู่ที่บ้านแฟนอีกต่อไปแล้ว และจะไม่กลับไปอยู่ที่บ้านเราเหมือนกัน ทะเลาะกับแฟนแรงมาก ๆ แล้วเมื่อก่อนเค้าเป็นพวกชอบใช้กำลัง พอโมโหแล้วหยุดตัวเองไม่ได้ เค้าเตะเราที่หลัง ตอนนั้นท้องลูกได้ 3 เดือนครึ่ง ก็ไม่รู้สึกอะไรนะ แต่เราตัดสินใจแล้วว่า "พอกันที ฉันไม่อยู่แล้ว ฉันจะไป" ก็เลยเอามือถือ โนเกียรุ่นไหนจำไม่ได้แล้ว ขายได้ 8000 กว่าบาท แล้วก็แหวนอีกครึ่งสลึกที่เค้าซื้อให้น่ะแหล่ะไปขาย ได้มาอีก 800 บาท
ก็หนีออกมาจากบ้านแฟน เข้าไปอยู่ทีตัวเมือง พักโรงแรมแถว ๆ ในเมืองน่ะแหล่ะ แล้วก็พยายามคิดหาทางออก แต่ก็ดีนะ มีอาจารย์ท่านหนึ่งที่ยื่นมือเข้ามาช่วยท่านดีมาก ๆ เลย ให้ที่พักที่อยู่ เราก็ยังคิดอะไรไม่ออกนะ แค่ปรึกษาท่านเฉย ๆ ก็ไม่ได้ว่ายังไง คุยกันพอเริ่มจับทิศทางถูกว่าจะต้องทำยังไงต่อไปก็เลย โอเค แต่เราไม่มีความคิดจะเอาลูกในท้องออกเลยนะ อันนี้กล้าสาบาน ไม่รู้สิ มันไม่ได้อยู่ในสมองเลยนะ ว่าจะเอาลูกคนนี้ออก ต้องเอาออกอะไรอย่างนี้ ไม่มีเลย
ก็พอเริ่มมีทางออกก็เลยคิดจะไปอัลตร้าซาวด์ดูว่าลูกเป็นผู้หญิงหรือผุ้ชาย แค่อยากเห็นหน้าเค้า ก็เลยไปที่โรงพยาบาลเอกชน ค่าอัลตราซาวด์เมื่อ 7 ปีที่แล้วประมาณ 1500 บาทก็โอเค จ่ายเลย แต่ที่ไหนได้
ลูกของเราเสียชีวิตแล้ว เค้าไม่หายใจ เค้าตาย
หมอก็เลยทำหนังสือส่งตัวให้ไปอยู่ที่โรงพยาบาลประจำจังหวัด เป็นโรงพยาบาลรัฐบาล แหม พอหนังสือส่งตัวบอกว่า เด็กตายในท้อง แต่ละคนมองมาเหมือนเราเป็นฆาตกรเลยอ่ะ คิดว่าเราฆ่าลูกตัวเองมั้ง
ความรู้สึกตอนนั้นมันแย่มาก ๆ เลยนะ ลูกเราก็ตาย แถมคนรอบข้างก็ซ้ำเติม ตอนนั้นเราไม่มีใครอยู่ข้าง ๆ เลยนะ แค่เราคนเดียว แล้วจังหวัดนั้นก็ไม่ใช่บ้านเกิดเราด้วย เรารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นตัวประหลาดเลยแหล่ะ คนเข็นรถเข็นยังไม่อยากเข็นเลย
หมอตรวจยังขู่เข็ญแกมบังคับเราอีกนะ ว่าไปทำอะไรมา ให้บอกมาตรง ๆ เราก็บอกไม่ได้ทำอะไรเลยจริง ๆ ตอนนั้นเค้าก็พยายามหาร่องรอยการทำแท้งอ่ะ แต่เราไม่ได้ทำ ปากมดลูกไม่ได้เปิด เค้าก็ตกใจนะ แล้วก็ขอโทษเราเป็นการใหญ่เลย เพราะเค้าบอกว่าเค้าเข้าใจนะสำหรับคนที่อยากมีลูก
หลังจากนั้น คุณหมอกับพยาบาลก็เข้ามาดูแลอย่างดีเลยแหล่ะ คอยสนใจ ห่วงใยตลอด คุณหมอก็พยายามฉีดยาเร่งคลอดให้นะ แต่ไม่เป็นผล เพราะปากมดลูกไม่เปิด แต่คุณหมอก็พยายามที่จะคอยเช็คเกล็ดเลือดตลอดเวลา เพราะคุณหมอกลัวว่าถ้าเด็กเสียชีวิตในท้องนาน ๆ จะทำให้เกล็ดเลือดของเราไม่แข็งตัว และถ้าสุดท้ายเด็กไม่ยอมหลุดออกมาเอง เราก็ต้องผ่าตัดออก ถ้าเก็บเอาไว้นาน ๆ จะเสี่ยงต่อชีวิตของแม่
และลูกของเราก็อยู่ในท้องแบบนั้นแหล่ะ เกือบ 2 อาทิตย์เลย
อาทิตย์แรกนอนให้น้ำเกลืออยู่โรงพยาบาล
อาทิตย์ที่สองตรงกับวันหยุดสงกรานต์ของปี 2548
อาทิตย์ถัดมาคุณหมอก็เลยนัดให้กลับมาใหม่ตอนเปิดวันจันทร์
ก็เลยกลับไปอยู่ที่บ้านแฟน แต่ก็เหมือนเดิม เหมือนกาฝาก เราเจ็บมากเลยนะ แล้วเรารู้สึกเหมือนกับว่าลูกเรายังมีชีวิตอยู่ เหมือนหมอเข้าใจผิด อะไรประมาณนั้น เหมือนเรากำลังเริ่มหลอกตัวเองอ่ะ เราเริ่มเกลียดแฟนมาก ๆ เลยนะ เกลียดมาก เรานอนกอดตัวเองแล้วก็ร้องไห้
ทำไมลูกเราต้องตาย เพราะอะไรเหรอ
เราผิดเองแหล่ะ ที่มีแฟนที่ไม่มีภาวะในการเป็นผู้นำใด ๆ ทั้งสิ้น เค้าไม่เคยเป็นผู้นำให้เราได้จริง ๆ เราอยู่ด้วยกันมา 6 ปี เราต้องช่วยเหลือตัวเองมาตลอด เค้าและครอบครัว ไม่เคยช่วยเหลือเราเลย
แต่เหมือนเวรกรรมมันยังไม่หมดไง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น